พระราชกฤษฎีกา
ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒
บังคับในท้องที่บางแห่งในตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
และตำบลตะกุด ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
พ.ศ.๒๕๔๒
___________
ภูมิพลอดุลยเดช ป.ร.
ให้ไว้ ณ วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2542
เป็นปีที่ 54 ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้า ฯ ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาหาร พ.ศ.2522 บังคับในท้องที่บางแห่งในตำบลผึ้งรวง
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลตะกุด ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 221 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และมาตรา 2 แห่งพระราชบัญญัติ
ควบคุมอาหาร พ.ศ.2522 อันเป็นพระราชบัญญัติบางประการเกี่ยวกับการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของบุคคล ซึ่งมาตรา 29
ประกอบกับมาตรา 35 มาตรา 48 วรรคหนึ่ง และมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้กระทำได้โดย
อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑ พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า "พระราชกฤษฎีกาให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ บังคับในท้องที่
บางแห่งในตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ และตำบลตะกุด ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี พ.ศ.๒๕๔๒"
มาตรา ๒ พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา เป็นต้นไป
มาตรา ๓ ให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ บังคับในท้องที่บางแห่งในตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
และตำบลตะกุด ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี ภายในแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกานี้
มาตรา ๔ ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
ชวน หลีกภัย
นายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ เนื่องจากในท้องที่บางแห่งในตำบลผึ้งรวง อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
และตำบลตะกุด ตำบลตลิ่งชัน อำเภอเมืองสระบุรี จังหวัดสระบุรี มีการขยายตัวทั้งในด้านการก่อสร้างอาคารและการผังเมือง
สมควรให้ใช้พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.๒๕๒๒ บังคับในท้องที่ดังกล่าว เพื่อประโยชน์ในด้านการควบคุมเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง
การปลอดภัย การป้องกันอัคคีภัย การสาธารณสุข การรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การผังเมือง การสถาปัตยกรรม และการอำนวยความสะดวก
แก่การจราจร จึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้