ตามที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญได้นำคณะสื่อมวลชนกัมพูชา ๑๒ คน มาเยือนประเทศไทยในฐานะแขกของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระหว่างวันที่ ๑๘ — ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ นั้น เมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม ที่ผ่านมา คณะได้เข้าเยี่ยมคารวะและสัมภาษณ์นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ณ รัฐสภา และนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ณ กระทรวงการต่างประเทศ นอกจากนั้น ระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพฯ คณะยังได้ไปเยี่ยมชมกิจการของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ และได้พบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนไทย (สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยและสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย) รวมทั้งได้รับประทานอาหารร่วมกับนายกสมาคมและกรรมการสมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชาด้วย
หลังจากเสร็จภารกิจในกรุงเทพฯ แล้ว ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๒ ตุลาคม คณะสื่อมวลชนกัมพูชามีกำหนดการเยือนจังหวัดสุรินทร์และมหาสารคาม โดยในวันที่ ๒๐ ตุลาคม จะเข้าเยี่ยมคารวะและรับประทานอาหารค่ำกับนายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และข้าราชการระดับสูงของจังหวัด และชมการแสดงวัฒนธรรมพื้นบ้าน ในวันที่ ๒๑ ตุลาคม มีกำหนดการไปเยือนมหาวิทยาลัยมหาสารคาม เยี่ยมชมโครงการสอนภาษากัมพูชาของมหาวิทยาลัย พบปะกับนักศึกษาชาวกัมพูชาที่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้โดยได้รับพระราชทานทุนการศึกษาในโครงการในพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับคณาจารย์และนักศึกษา
คณะสื่อมวลชนกัมพูชา ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากทั้งสื่อโทรทัศน์ วิทยุ และสื่อสิ่งพิมพ์ คือ สถานีโทรทัศน์แห่งชาติกัมพูชา (TVK) สถานีโทรทัศน์ Cambodia Television Network (CTN) สถานีโทรทัศน์บายน (BAYON TV) วิทยุนครวัด หนังสือพิมพ์เกาะสันติภาพ หนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา หนังสือพิมพ์กัมพูชาใหม่ หนังสือพิมพ์นครวัด และสำนักข่าวเดิมอัมปึล ได้แสดงความเห็นต่อสื่อมวลชนไทยที่ได้พบ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ และเจ้าหน้าที่สมาคมมิตรภาพไทย-กัมพูชาว่า ในระหว่างที่อยู่ในกรุงเทพฯ คณะมีความประทับใจที่ได้รับการต้อนรับจากทุกฝ่ายเป็นอย่างดี อีกทั้งนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ก็ได้เปิดโอกาสให้คณะสอบถามข้อสงสัยในประเด็นต่างๆ ได้อย่างเต็มที่และเปิดเผย คณะเห็นว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์มาก เพราะช่วยให้สื่อมวลชนกัมพูชาเข้าใจประเทศไทยมากขึ้น ได้สร้างและขยายเครือข่ายกับสื่อมวลชนไทยมากขึ้น และเชื่อว่าจะมีผลช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเป็นไปด้วยความเข้าอกเข้าใจและราบรื่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้ คณะยังเห็นว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ไปเยือนจังหวัดสุรินทร์และมหาสารคาม เพื่อจะได้สัมผัสถึงวิถีชีวิตท้องถิ่นพื้นบ้านไทย อันจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการส่งเสริมความเข้าใจในระดับประชาชน ซึ่งจะเป็นรากฐานของความสัมพันธ์ที่มั่นคงและแน่นแฟ้นระหว่างสองชาติสืบไป
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--