การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ ๗

เมื่อวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๓ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เดินทางมาถึงกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ ๑๗ และการประชุมอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยภารกิจในวันแรก รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนและการประชุมคณะมนตรีประสานงานอาเซียน ครั้งที่ ๗ รวมทั้งมีการหารือประเด็นสำคัญที่อยู่ในความสนใจร่วมกันในระหว่างอาหารค่ำ มีสาระสำคัญโดยสรุป ดังนี้

๑. ที่ประชุมฯ ได้รับรองเอกสารสำคัญ ๔ ฉบับ ตามลำดับ ได้แก่ ๑) Rules of Authorisation for Legal Transactions under Domestic Laws ๒) Instrument of Incorporation of the Rules for Reference of Unresolved Disputes to the ASEAN Summit to the Protocol to the ASEAN Charter on Dispute Settlement Mechanisms ๓) ASEAN Declaration on Cooperation in Search and Rescue of Persons and Vessels in Distress at Sea ๔) Procedures for the Accreditation of Ambassadors and Establishment of Diplomatic Missions to ASEAN from Non-ASEAN Member States and Relevant Inter-Governmental Organisations ซึ่งภายหลังการประชุมฯ รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนได้ร่วมกันลงนามในเอกสารฉบับที่ ๒ ซึ่งเป็นระเบียบปฏิบัติที่กำหนดแนวทาง ขั้นตอน และระยะเวลาเพื่อแจ้งให้คณะมนตรีประสานงานอาเซียนทราบถึงข้อพิพาทที่ไม่สามารถตกลงกันได้ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมสุดยอดอาเซียนพิจารณาต่อไป

๒. ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาร่างแผนแม่บทเรื่องความเชื่อมโยงในภูมิภาคอาเซียนซึ่งคาดว่าจะเป็นประเด็นสำคัญที่ผู้นำอาเซียนจะหยิบยกขึ้นมาหารือระหว่างการประชุมสุดยอดอาเซียนฯ ทั้งนี้ แผนแม่บทดังกล่าวจัดทำขึ้นสืบเนื่องจากข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในสมัยที่ไทยเป็นประธานอาเซียน ซึ่งการเชื่อมโยงมีทั้งในเรื่องโครงสร้างพื้นฐานและการเชื่อมโยงระหว่างประชาชน

๓. ที่ประชุมฯ เห็นชอบที่จะเสนอให้การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit — EAS) รวมสหรัฐอเมริกาและสหพันธรัฐรัสเซียเข้าร่วมเป็นสมาชิกใหม่ในปี ๒๕๕๔ สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการเชิญให้รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ และรัสเซีย เข้าร่วมในฐานะแขกของประธาน นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ได้หารือเกี่ยวกับประเด็นโครงสร้างสถาปัตยกรรมในภูมิภาค โดยเน้นถึงบทบาทความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน (ASEAN Centrality) ในเวทีระหว่างประเทศ รวมทั้งในเวที EAS

๔. เลขาธิการอาเซียนรายงานผลการดำเนินงานของสำนักเลขาธิการอาเซียนในช่วงปีที่ผ่านมา โดยที่ประชุมฯได้หารือและทบทวนการบริหาร รวมทั้งการสนับสนุนให้สำนักเลขาธิการอาเซียนมีขีดความสามารถที่จะรองรับกับความท้าทายในอนาคตในการมุ่งสู่ความเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ๕. รัฐมนตรีว่าการฯ เสนอให้มีการศึกษารวบรวมรายละเอียดการดำเนินการในเรื่องการลดช่องว่างการพัฒนาภายในอาเซียน ซึ่งรวมถึงความช่วยเหลือที่ประเทศสมาชิกให้แก่กัน รวมทั้งที่ได้รับจากประเทศคู่เจรจา และองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ เพื่อให้อาเซียนสามารถดำเนินการสอดคล้องกับการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกอาเซียนใหม่ ภายใต้กรอบความริเริ่มเพื่อการรวมตัวของอาเซียน (Initiative for ASEAN Integration — IAI) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

๖. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องว่า จะต้องมีการประสานงานอย่างใกล้ชิดในประเด็นสำคัญระหว่างประเทศ อาทิ อาชญากรรมข้ามชาติ ภัยพิบัติ สิ่งแวดล้อม โจรสลัด และกองกำลังรักษาสันติภาพ เป็นต้น โดยให้มีการใช้กลไกและเวทีการหารือของอาเซียนที่มีอยู่ให้มากขึ้น ได้แก่ สถานเอกอัครราชทูต/ คณะผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนในสหประชาชาติและประเทศสำคัญ

๗. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนเห็นพ้องที่จะผลักดันให้เจ้าภาพการประชุม G-20 ครั้งต่อไป ซึ่งได้แก่ฝรั่งเศส เชิญให้อาเซียนเข้าร่วมการประชุมทั้งในส่วนของอินโดนีเซียและประธานอาเซียน ดังเช่นการประชุมที่ผ่าน ๆ มา รวมทั้งเห็นว่า อาเซียนจะต้องร่วมกันพิจารณาแนวทางให้อาเซียนมีบทบาทในการนำเสนอประเด็นต่าง ๆ ในเวทีดังกล่าวอย่างมีนัยสำคัญด้วย

๘. รัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนรับทราบการบรรยายสรุปการเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งทั่วไปของพม่า และรับทราบว่า ฝ่ายพม่าจะจัดให้ผู้แทนจากสถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศในพม่า มีส่วนร่วมในการสังเกตการณ์เลือกตั้งด้วย ซึ่งอาเซียนพร้อมที่จะมีบทบาทในฐานะคณะผู้สังเกตการณ์ของอาเซียน โดยรวมโดยการทำงานร่วมกันของสถานเอกอัครราชทูตประเทศสมาชิกอาเซียนในพื้นที่

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--