รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์กรณีการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา

ข่าวต่างประเทศ Monday February 7, 2011 11:25 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อค่ำวันที่ ๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิหลังจากเดินทางกลับมาจากกรุงพนมเปญกรณีการปะทะกันบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกัน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

๑. รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่า ระหว่างที่กองกำลังทหารของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ตนอยู่ที่กรุงพนมเปญเพื่อเยี่ยมคนไทย ๒ คนที่ถูกจับอยู่ที่เรือนจำกัมพูชา ทั้งตนและเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้พยายามติดต่อโทรศัพท์หาหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาเพื่อประสานให้มีการหยุดยิง จนกระทั่งในที่สุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยได้สั่งการให้ทหารไทยหยุดยิงก่อนและการปะทะกันก็สงบลง

๒. กรณีที่เกิดขึ้นแสดงว่า อะไรก็ตามที่เกี่ยวกับปราสาทพระวิหารหรือพื้นที่ที่ยังมีข้อพิพาทใกล้กับปราสาทพระวิหารมีความอ่อนไหวง่าย และน่าจะเป็นเครื่องเตือนสติคณะกรรมการมรดกโลกและองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ว่า จะทำอะไรต้องดูสภาพความเป็นจริงและความอ่อนไหวของกรณี ซึ่งฝ่ายไทยพยายามแจ้งให้ยูเนสโก และคณะกรรมการมรดกโลกทราบมาก่อนแล้วว่า อย่าให้แผนบริหารจัดการเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะกรรมการมรดกโลกอีก เพราะจะนำไปสู่ความตึงเครียดกันโดยใช่เหตุ ฝ่ายไทยจะมีหนังสือถึงยูเนสโก อีกครั้งหนึ่งเพื่อชี้ให้เห็นว่า ยูเนสโกจะมองงานด้านวัฒนธรรมเพียงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ด้วย

๓. ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชนว่า มีกระแสข่าวว่าทางรัฐบาลกัมพูชาเตรียมการจะยื่นหนังสือฟ้องร้องต่อสหประชาชาติเกี่ยวกับกรณีการปะทะกันดังกล่าวนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ เห็นว่าในชั้นนี้ยังเป็นเพียงกระแสข่าวอยู่ ตนไม่ทราบว่าได้มีการยื่นหนังสือดังกล่าวแล้วหรือยัง อย่างไรก็ดี ฝ่ายไทยยังจำได้ว่า เมื่อเลขาธิการสหประชาชาติได้เดินทางมาร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนครั้งที่ผ่านมาที่กรุงฮานอย เลขาธิการสหประชาชาติได้ย้ำท่าทีของสหประชาชาติอย่างชัดเจนว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาควรเป็นเรื่องระหว่างประเทศทั้งสองเอง ซึ่งเชื่อว่าฝ่ายกัมพูชาก็จำคำพูดของเลขาธิการสหประชาชาติได้ เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างสองฝ่ายที่แก้ไขระหว่างกันได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีความพยายามที่จะยกขึ้นในกรอบอาเซียนหรือสหประชาชาติ แต่ฝ่ายไทยก็เชื่อว่ายังอยู่ในวิสัยที่จะแก้ปัญหากันได้

๔. การปะทะกันด้วยกำลังไม่ได้แก้ปัญหา หลังจากนี้จะต้องมีการสอบสวนข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่นำไปสู่การยิงกันได้อย่างไร ข้อดีข้อหนึ่งคือ แม้ว่าจะปะทะกัน ๓-๔ ชั่วโมง ก็ยังสามารถยุติลงได้ และสามารถจำกัดกรณีที่เกิดขึ้นได้ในตัวของมันเอง โดยไม่นำไปโยงกับเรื่องอื่น เช่น เรื่องคดีของคนไทย ๗ คนที่ถูกจับซึ่งยังคงเหลืออยู่ ๒ คน เป็นต้น เราต้องพยายามไม่เชื่อมโยงเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะทั้งสองประเทศยังต้องค้าขายและมีความสัมพันธ์กันในด้านอื่น ๆ อาทิ ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ กุมภาพันธ์ ศกนี้ ก็กำหนดไว้ว่าจะมีการจัดงานแสดงสินค้าร่วมกันระหว่างไทยกับกัมพูชาที่กรุงพนมเปญ ถ้าเกิดความชะงักงัน ก็จะกระทบต่อผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายและผลประโยชน์ของประชาชนไทยและกัมพูชา ต้องใช้ความระมัดระวัง สุขุม มีสติ อดทน เร่งแก้ปัญหาที่มี พูดจากัน หลีกเลี่ยงการปะทะ และรักษาความสัมพันธ์ไว้ต่อไป

๕. การติดต่อกับฝ่ายกัมพูชาก็ยังคงมีอยู่ในทุกระดับ รวมทั้งในระดับผู้ใหญ่ สถานการณ์ชายแดนไทยกับกัมพูชามีกรอบกลไกคือ คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) อยู่ ก็ต้องว่ากันไป รัฐมนตรีว่าการฯ ได้หารือกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ระหว่างการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซี) ไทย-กัมพูชา ที่เมืองเสียมราฐ ก่อนเกิดเหตุปะทะกัน ก็ได้ตกลงกันแล้วว่าจะให้มีการประชุมเจบีซีโดยเร็ว และมีเรื่องที่ฝ่ายไทยและกัมพูชายังสามารถร่วมทำงานกันได้ในกรอบเจบีซีถึงแม้ว่าบันทึกการประชุมเจบีซีครั้งที่ผ่านมา ๓ ฉบับ จะยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาไทยก็ตาม ก็ยังมีเรื่องอื่นที่เดินหน้ากันไปได้ เช่น การคัดเลือกบริษัทที่จะทำการถ่ายภาพถ่ายทางอากาศ เป็นต้น

๖. รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าว ยืนยันว่า เหตุปะทะกันที่เกิดขึ้นครั้งนี้จะไม่มีส่วนกระทบกับคดีของนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ