รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิต ภิรมย์ ย้ำในการกล่าวในงานสัมมนาวิชาการ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ว่า ไทยและกัมพูชาไม่ควรนำเอาความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์มาเป็นประเด็นในการขัดขวางการพัฒนาความสัมพันธ์ร่วมกัน และจะต้องให้สิ่งที่มีคล้ายกันมาเป็นที่ตั้ง ทั้งนี้จะมีการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายในประเทศที่ ๓ เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาชายแดน
เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เวลา ๑๖.๓๐ น. ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวปัจฉิมกถา ในงานสัมมนาวิชาการ “สยาม-ขะแมร์ คู่รัก คู่ชัง คู่กรรม คู่เวร” โดยได้ให้ความสำคัญต่อประเด็นความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โดยได้ย้ำว่า ทั้ง ๒ ประเทศมีพันธกรณีร่วมกันต่ออาเซียนในการสร้างประชาคมอาเซียนที่มั่งคั่งและสันติสุข นอกจากนี้ ไม่ควรนำเอาความขัดแย้งทางประวัติศาสตร์มาเป็นประเด็นขัดขวางความร่วมมือ แต่ควรนำสิ่งที่ไทยกับกัมพูชามีคล้ายกันอยู่มากเป็นที่ตั้งในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งต้องดำเนินการด้วยความจริงจังทั้ง ๒ ฝ่าย และในเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ต้องมองภาพรวม ซึ่งยังมีความร่วมมือในกรอบระหว่างประเทศ กรอบภูมิภาค กรอบอนุภูมิภาค ที่จะต้องร่วมกันพัฒนาและไทยมีความตั้งใจที่จะสานต่อ
รัฐมนตรีว่าการฯ เน้นย้ำว่า ต้องให้ความสำคัญกับอนาคตเนื่องจากประวัติศาสตร์เป็นเรื่องของอดีตซึ่งอาจมีการบันทึกอย่างไม่ถูกต้องและเป็นต้นเหตุของทัศนคติในแง่ลบต่อเพื่อนบ้าน จึงหวังว่าการเรียนการสอนเกี่ยวกับประเทศเพื่อนบ้านจะนำมาซึ่งความเข้าใจและความเห็นอกเห็นใจกัน ทั้งนี้ อาจต้องให้มีการปรับเปลี่ยนสาระในตำราประวัติศาตร์ให้ถูกต้องยิ่งขึ้น
รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้กล่าวถึงการเข้าพบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียนในปีนี้ ว่าได้สนับสนุนให้ไทยกับกัมพูชาร่วมมือกัน และมิตรอาเซียนไม่อยากให้ทั้งสองประเทศมีความขัดแย้งเนื่องจากจะกระทบต่อพัฒนาการของอาเซียนด้วย นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ เผยว่า จะมีการหารือกับนายฮอร์ นัมฮอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ในประเทศที่ 3 เพื่อหาข้อสรุปในการแก้ไขปัญหาชายแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ชมเชยการริเริ่มของนักศึกษาที่จัดให้มีการสัมมนาวิชาการในหัวข้อที่เกี่ยวกับไทยกับกัมพูชา และกล่าวถึงความสำคัญของบทบาทแวดวงในการสร้างสังคมฐานความรู้ (knowledge-based society) เนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นประเด็นระดับโลกที่เกิดจากโลกาภิวัตน์ เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ โรคระบาด ยาเสพติด ขบวนการค้ามนุษย์ และปัญหาเขตแดน เป็นต้น จึงต้องอาศัยการพัฒนาเป็นเครื่องมือ ในการส่งเสริมให้ประเทศเพื่อนบ้านมีความกินดีอยู่ดี พร้อมกับการเสริมสร้างสังคมประชาธิปไตย เพื่อลดความแตกต่างและความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งพันธกรณีที่ไทยและประเทศเพื่อนบ้านมีร่วมกัน โดยเฉพาะในกรอบอาเซียนคือการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาแก่กลุ่มประเทศสมาชิกใหม่
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--