เมื่อวันที่ ๙ มีนาคม ๒๕๕๔ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ถูกจำคุกอยู่ที่ประเทศกัมพูชา สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ได้มีหนังสือถึงทางการกัมพูชาแล้วเพื่อขออนุญาตให้นายวีระฯ ออกมารับการตรวจสุขภาพภายนอกเรือนจำ ซึ่งอาจเป็นที่สถานเอกอัครราชทูตหรือโรงพยาบาล ทั้งนี้ หากทางการกัมพูชาไม่สามารถอนุญาตตามคำขอดังกล่าวข้างต้นได้ ก็ขออนุญาตให้พาแพทย์จากภายนอกเรือนจำเข้าไปตรวจสุขภาพนายวีระฯ เพิ่มเติม ซึ่งนอกจากสถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้มีหนังสือขออนุญาตไปแล้ว เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ยังได้พยายามผลักดันเรื่องดังกล่าวผ่านทางเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝ่ายกัมพูชาด้วย แต่ยังอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณาของฝ่ายกัมพูชา
๒. ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อยื่นขอพระราชทานอภัยโทษให้กับนายวีระฯ และนางสาวราตรีฯ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูตฯ แจ้งว่า ได้มีการเตรียมเอกสารสำหรับการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษเรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการให้บุคคลทั้งสองลงนาม ซึ่งเมื่อลงนามแล้ว สถานเอกอัครราชทูตฯ จะได้ดำเนินการด้านเอกสารต่อไป
๓. ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ากรณีของนายวีระฯ และนางสาวราตรีฯ ฝ่ายไทยน่าจะสามารถใช้ความตกลงระหว่างไทยกับกัมพูชาว่าด้วยการโอนตัวผู้ต้องคำพิพากษาและความร่วมมือในการบังคับให้เป็นไปตามคำพิพากษาในคดีอาญาได้ เพื่อโอนตัวบุคคลทั้งสองมารับโทษต่อในประเทศไทย นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่า คงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากกรณีของบุคคลทั้งสองยังไม่เป็นไปตามข้อกำหนดในความตกลงฯ ข้อ ๔ วรรค จ (๑) ที่ระบุไว้ว่า “ผู้ต้องคำพิพากษาไม่อาจโอนตัวได้ เว้นแต่จะได้รับโทษจำคุกในรัฐผู้โอนมาแล้ว เป็นระยะเวลาหนึ่งในสาม หรือสี่ปีของโทษจำคุกทั้งสิ้นในความผิดทางอาญาตามคำพิพากษาหรือคำสั่ง สุดแต่ระยะเวลาใดจะน้อยกว่า...” แต่สำหรับการยื่นขอพระราชทานอภัยโทษ สามารถดำเนินการขอได้ทุกเมื่อ แต่ผลการพิจารณาจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับพระราชวินิจฉัยของพระมหากษัตริย์กัมพูชา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--