ในระหว่างวันที่ ๓ — ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วม
การประชุม Delhi Dialogue ครั้งที่ ๓ ณ กรุงนิวเดลี สาธารณรัฐอินเดีย ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้มีโอกาสหารือทวิภาคีกับนาย S.M. Krishna รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอินเดีย และเยี่ยมชมงาน ASEAN — India Business Fair ซึ่งจัดขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการประชุมสุดยอดภาคธุรกิจอาเซียน-อินเดีย อันเป็นผลมาจากข้อเสนอของไทยในการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 7 และ 8 เมือ่ปี 2552 และ 2553
ในการประชุมดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวปาฐกถาร่วมกับเลขาธิการอาเซียนและรัฐมนตรีต่างประเทศของอินเดียและรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนหลายประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการ ฯ ได้กล่าวแสดงความชื่นชมอินเดียในฐานะประเทศตัวอย่างด้านการพัฒนาซึ่งเน้นการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการส่งเสริมการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและปลูกฝังทักษะทางภาษาอังกฤษ อันส่งผลให้เศรษฐกิจของอินเดียพัฒนาไปอย่างรวดเร็วโดยมีภาคเอกชนเป็นกำลังสำคัญทั้งในระดับภายในประเทศและระหว่างประเทศ นอกเหนือจากการเป็นสังคมประชาธิปไตยที่เปิดกว้างและยึดหลักความอดทนอดกลั้นแล้ว อินเดียยังมีความเชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกด้านอื่น ๆ อาทิ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและซอฟแวร์ และอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ ซึ่งนำอินเดียก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ดังนั้น อาเซียนจึงควรเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของอินเดียและประยุกต์เข้ากับแนวทางการพัฒนาประเทศของตนเองต่อไป ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการ ฯ ย้ำว่า บนระยะทางอันยาวนานที่นำมาสู่ความสำเร็จของอินเดียในวันนี้ ล้วนดำเนินไปภายใต้บริบทของประชาธิปไตยที่ตั้งอยู่บนหลักการยอมรับความแตกต่างและการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
สำหรับความร่วมมือระหว่างอาเซียนกับอินเดียนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้กล่าวถึงบทบาทของอินเดียในการส่งเสริมความเชื่อมโยงในอาเซียนทั้งทางด้านการกายภาพ ภูมิความรู้ และวัฒนธรรม การที่อินเดียมีพรมแดนติดกับประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งทางบกและทางทะเล รวมถึงได้มีความพยายามที่จะเชื่อมโยงกับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก บนพื้นฐานของวิสัยทัศน์ว่าด้วย “ประตูแห่งโอกาส” ซึ่งเป็นการบูรณาการเชื่อมโยงการคมนาคมระหว่างเอเชียใต้กับอาเซียนโดยเส้นทางถนน ทางรถไฟ ทางอากาศ และทางทะเล นั้น จะช่วยส่งเสริมให้อินเดียและอาเซียนสามารถร่วมมือกันเพื่อบรรลุแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (ASEAN’s Master Plan on Connectivity) ได้เป็นอย่างดี ทั้งนี้ เนื่องในโอกาสที่อาเซียนกับอินเดียจะฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ ๒๐ ปี ในปี ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการฯ จึงได้เสนอให้รัฐมนตรีอาเซียนและอินเดียร่วมสำรวจเส้นทางจากประเทศไทยผ่านพม่าไปยังรัฐอัสสัมทางตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความพยายามร่วมกันระหว่างอาเซียนกับอินเดียในการกระชับความสัมพันธ์ในฐานะหุ้นส่วนต่อกัน นอกจากนั้น อินเดียยังสามารถมีบทบาทในการพัฒนาความเชื่อมโยงทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศในอาเซียนเพื่อประโยชน์ในเรื่องการบริหารจัดการข้ามพรมแดนอย่างมีประสิทธิภาพได้เช่นกัน ทั้งนี้ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงระหว่างประชาชนทั้งสองฝ่ายที่มีความสัมพันธ์ต่อกันนับพันปี
นอกจากนี้ อาเซียนยังเห็นความสำคัญในการร่วมมือกับอินเดียอย่างใกล้ชิดในการจัดการกับประเด็นความมั่นคงแบบใหม่ (Non — traditional security) ทั้งในเวทีระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศต่าง ๆ อาทิ การประชุม G ๒๐ การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) และสหประชาชาติ โดยอาเซียนหวังว่าอินเดียจะมีบทบาทในเวทีระหว่างประเทศอื่น ๆ มากยิ่งขึ้นในอนาคต และเชื่อว่า บทบาทที่สร้างสรรค์ของอินเดียในภูมิภาคจะนำมาซึ่งสันติภาพและความรุ่งเรืองของเอเชีย อันจะทำให้อินเดียเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่ขาดมิได้ของอาเซียน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--