เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๑๘.๐๐ น. นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการที่นายธีรกุล นิยม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้แยกพบปะกับนายก่วน มู่ เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และกับนายโง ดึ๊ก ถัง เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เมื่อเวลา ๑๗.๐๐ น. และ ๑๗.๓๐ น. ตามลำดับ เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นไทย-กัมพูชา ตามที่ได้รับมอบหมายจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศซึ่งได้เชิญเอกอัครราชทูตทั้งสองมาหารือแต่ติดภารกิจ สรุปได้ดังนี้
๑. ปลัดกระทรวงฯ แจ้งให้เอกอัครราชทูตทั้งสองประเทศทราบเกี่ยวกับข้อเท็จจริงและที่มาที่ไปของเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๕๔ จนถึงขณะนี้ โดยกล่าวยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้เป็นฝ่ายเริ่มโจมตีก่อนและตอบโต้เพื่อปกป้องอธิปไตยเท่านั้น ทั้งนี้ ไทยไม่ได้ประโยชน์ใด ๆ จากเหตุการณ์ปะทะที่เกิดขึ้น และที่ผ่านมา ก็ต้องการที่ส่งเสริมความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านมาโดยตลอด เพื่อมุ่งสู่การสร้างประชาคมอาเซียน รวมทั้งยึดมั่นเสมอว่าความมั่นคงและความมั่งคั่งของประเทศเพื่อนบ้านก็คือความมั่นคงและความมั่งคั่งของไทย เหตุการณ์ปะทะในครั้งนี้ได้ก่อความเสียหายและกระทบกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนไทยอย่างมาก ทำให้ต้องอพยพประชาชนกว่า ๓๐,๐๐๐ คนในจังหวัดสุรินทร์และบุรีรัมย์ออกจากพื้นที่ จึงขอความร่วมมือจีนและเวียดนามในฐานะมิตรประเทศของไทยและกัมพูชาโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชาตอบรับข้อเสนอของฝ่ายไทยที่ต้องการจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยการเจรจาอย่างสันติและให้ฝ่ายกัมพูชากลับสู่โต๊ะเจรจา
๒. เอกอัครราชทูตจีนฯ แจ้งปลัดกระทรวงฯ ว่าจะได้รายงานข้อมูลจากการหารือครั้งนี้ให้รัฐบาลจีนทราบ และประสงค์ที่จะเห็นทั้งสองประเทศเดินหน้าแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจาทวิภาคี อีกทั้งแสดงความยินดีที่ผู้นำของไทยมีความพร้อมที่จะเจรจากับฝ่ายกัมพูชามาโดยตลอด ขณะที่เอกอัครราชทูตเวียดนามฯ ได้เน้นย้ำท่าทีของรัฐบาลเวียดนามตามแถลงการณ์ของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศเวียดนามก่อนหน้านี้ที่ต้องการส่งเสริมความร่วมมือในภูมิภาค และมีนโยบายที่จะวางตัวเป็นกลาง อย่างไรก็ดี ก็หวังว่าไทยกับกัมพูชาจะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติผ่านการเจรจาทวิภาคี โดยการสนับสนุนของอาเซียน
๓. ต่อคำถามของผู้สื่อข่าว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า เอกอัครราชทูตจีนได้แสดงความกังวลที่เกิดเหตุการณ์ปะทะในครั้งนี้ เช่นเดียวกับไทย เนื่องจากในช่วง ๒ เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปะทะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอยู่ในภาวะปกติและมีพัฒนาการในเชิงบวกหลายประการ อาทิ การประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (JBC) ที่เมืองโบกอร์ ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งประสบผลสำเร็จด้วยดี และการหารือเกี่ยวกับรายละเอียดของขอบเขตหน้าที่ (Terms of Reference) ของผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียซึ่งก็มีความคืบหน้าอย่างมาก จึงไม่มีเหตุผลที่จะต้องก่อให้เกิดปัญหาขึ้น
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเสริมด้วยว่า ในวันเดียวกัน ปลัดกระทรวงฯ ยังได้ถือโอกาสที่นางคริสตี้ เคนเนย์ เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เข้าพบหารือตามกำหนดที่ได้นัดหมายไว้ก่อนหน้า ให้ข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการของเหตุการณ์ปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชาดังกล่าวด้วย รวมทั้งขอความร่วมมือสหรัฐฯ ในการโน้มน้าวฝ่ายกัมพูชาให้เจรจากับฝ่ายไทยโดยสันติวิธี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--