เกี่ยวกับสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ ๒๗- ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ กระทรวงการต่างประเทศไทยขอเรียนดังนี้
๑. เมื่อวันที่ ๒๗ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๒๐.๔๐ — ๒๑.๑๐ น. กองกำลังกัมพูชาเริ่มการโจมตีเข้ามาในพื้นที่รอบปราสาทตาควายที่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ของประเทศไทย โดยใช้อาวุธปืนเล็ก ปืนครก ปืนใหญ่ เครื่องยิงลูกระเบิด และระเบิดมือ การยิงปะทะขยายไปสู่พื้นที่รอบปราสาทตาเมือนที่จังหวัดสุรินทร์ การโจมตีด้วยอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุโดยฝ่ายกัมพูชาเริ่มขึ้นอีกครั้งเวลา ๒๓.๓๐ — ๐๐.๕๐ น. ของวันถัดมา (วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔)
๒. เมื่อเวลา ๒๘ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๔.๐๐ — ๐๘.๓๐ น. กองกำลังกัมพูชาเริ่มการโจมตีด้วยอาวุธอีกครั้ง โดยใช้อาวุธปืนเล็ก ปืนครก และปืนใหญ่ เข้ามาในบริเวณรอบปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน รวมทั้งโรงพยาบาลอำเภอกาบเชิงที่จังหวัดสุรินทร์ การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้ทหารเสียชีวิต ๑ นาย บาดเจ็บ ๑๑ นาย และพลเรือนบาดเจ็บ ๖ คน
ต่อมา เวลา ๑๐.๓๐ น. แม่ทัพภาคที่ ๒ ของไทยและผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ ๔ ของกัมพูชาได้พบปะกันที่ชายแดนเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการลดความตึงเครียด ซึ่งความเข้าใจร่วมกันที่เป็นผลจากการหารือดังกล่าวรวมถึงการที่ทั้งสองฝ่ายจะหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยอาวุธ อย่างไรก็ดี เมื่อเวลา ๒๑.๐๐ น. กองกำลังกัมพูชาก็ได้เริ่มยิงปืนเล็กยาวและขว้างระเบิดมือเข้ามาในบริเวณปราสาทตาเมือน ช่องจอม และปราสาทตาควาย ที่จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นการละเมิดความเข้าใจดังกล่าวข้างต้น
๓. เมื่อวันที่ ๒๙ เมษายน ๒๕๕๔ เวลา ๐๓.๐๐ — ๐๖.๐๐ น. การโจมตีด้วยอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุโดยกัมพูชาเริ่มอีกครั้งหนึ่งในพื้นที่รอบปราสาทตาควาย โดยมีการใช้อาวุธปืนเล็ก ปืนเล็กยาว ระเบิดมือ และปืนครก การโจมตีครั้งนี้ส่งผลให้ทหารเสียชีวิต ๑ นาย และบาดเจ็บ ๖ นาย
๔. ประเทศไทยได้ใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด อย่างไรก็ดี การเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าของการกระทำอันเป็นการรุกรานและยั่วยุเช่นนี้ทำให้กองกำลังของไทยไม่มีทางเลือกนอกจากรักษาอธิปไตยและบูรณภาพเหนือดินแดน รวมทั้งปกป้องพลเรือนไทยในพื้นที่ โดยใช้วิธีการที่สมน้ำสมเนื้อด้วยความจำเป็น ภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ และมุ่งไปยังเป้าหมายทางทหารเท่านั้น
ถึงกระนั้น หลายครั้ง กองกำลังของไทยก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธโดยฝ่ายกัมพูชา หากการตอบโต้ดังกล่าวจะส่งผลให้พลเรือนเสี่ยงอันตราย ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๔ เมื่อกองกำลังกัมพูชายิงจรวด BM21 จากหมู่บ้านโอเสม็ด อำเภอโอเสม็ด จังหวัดอุดรมีชัยของกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่รอบปราสาทตาควายและปราสาทตาเมือน ประเทศไทยพยายามหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของพลเรือนอย่างมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยใช้ความอดกลั้นอย่างที่สุด และตัดสินใจที่จะไม่ตอบโต้การโจมตีด้วยอาวุธดังกล่าวโดยกัมพูชา อย่างไรก็ตาม การโจมตีด้วยอาวุธโดยกองกำลังกัมพูชาอย่างต่อเนื่องในวันนั้นได้ส่งผลให้พลเรือนไทยเสียชีวิต ๑ คน และบาดเจ็บ ๒ คน
๕. ประเทศไทยขอประท้วงอย่างรุนแรงที่สุดต่อการโจมตีด้วยอาวุธโดยปราศจากการยั่วยุอีกครั้งโดยกัมพูชา รวมทั้งการใช้พลเรือนซึ่งรวมถึงเด็กและผู้หญิงเป็น “โล่ห์มนุษย์” ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างชัดเจน ประเทศไทยขอประณามการรุกรานของฝ่ายกัมพูชาที่ทำให้ชีวิตของพลเรือนตกอยู่ในความเสี่ยง ประเทศไทยรู้สึกเสียใจที่กัมพูชาละเมิดความเข้าใจระหว่างกันที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยอาวุธโดยกองกำลังกัมพูชา ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม่จริงใจของฝ่ายกัมพูชาที่จะแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี
๖. ประเทศไทยขอเรียกร้องให้มีการยุติการกระทำอันยั่วยุเช่นนี้โดยฝ่ายกัมพูชาในทันที และเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาแก้ไขปัญหาโดยการเจรจาอย่างสันติภายใต้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--