เมื่อวันที่ ๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๒.๓๐ น. นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับนายมาร์ตี นาตาเลกาวา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซีย ในฐานะประธานอาเซียน เกี่ยวกับปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา โดยเฉพาะในประเด็นการส่งคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งหลังจากการหารือดังกล่าว นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้สรุปสาระสำคัญของการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศทั้งสอง ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอินโดนีเซีย ทราบเกี่ยวกับพัฒนาการของเหตุการณ์ที่ผ่านมา และแจ้งว่าการดำเนินการรุกรานของฝ่ายกัมพูชาในช่วงที่ผ่านมา และการยื่นคำร้องให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ เป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า ฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้วางแผนทุกอย่างล่วงหน้า เพื่อสนับสนุนการยื่นคำร้องของกัมพูชาต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
๒. ในส่วนของข้อกำหนดขอบเขตอำนาจหน้าที่ (Terms of Reference—TOR) ของคณะผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซีย รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งฝ่ายอินโดนีเซียว่า เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ คณะรัฐมนตรีของไทยให้ความเห็นชอบในหลักการต่อ TOR ดังกล่าวแล้ว อย่างไรก็ดี ก่อนที่คณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียจะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ฝ่ายกัมพูชาจะต้องถอนกองกำลังของตนออกจากปราสาทพระวิหาร วัดแก้วสิกขาคีรีสะวารา ตลาด และชุมชน เนื่องจากเป็นการละเมิดอนุสัญญากรุงเฮกว่าด้วยการคุ้มครองทรัพย์สินทางวัฒนธรรมในกรณีที่มีความขัดแย้งทางอาวุธ ค.ศ. ๑๙๕๔ อนุสัญญาว่าด้วยการคุ้มครองมรดกโลกทางวัฒนธรรมและทางธรรมชาติ ค.ศ. ๑๙๗๒ และบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา ปี ๒๕๔๓ (MOU ปี ๒๕๔๓) ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียรับที่จะนำประเด็นดังกล่าวไปหารือกับฝ่ายกัมพูชา เพื่อพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไปเพื่อให้บรรยากาศและสถานการณ์เอื้ออำนวยต่อการส่งคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียมาบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา
๓. ต่อคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอินโดนีเซียที่ระบุว่า เรื่องของการถอนกองกำลังกัมพูชาออกจากปราสาทฯ น่าจะหารือกันในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ฝ่ายไทยแสดงความพร้อมและพยายามโน้มน้าวให้ฝ่ายกัมพูชากลับมาสู่การเจรจาทวิภาคีกับฝ่ายไทยมาโดยตลอด ดังนั้น หากทั้งสองประเทศสามารถมาหารือกันในกรอบของ GBC ได้ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี
๔. นอกจากนี้ โฆษกกระทรวงฯ ได้ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับคำให้สัมภาษณ์ของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาว่าประเทศไทยไม่มีความตั้งใจจริงที่จะให้คณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยโฆษกกระทรวงฯ ย้ำอีกครั้งว่า การเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ของคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเป็นไปตามคำเชิญของรัฐบาลไทย อันเป็นผลจากการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรี กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงกลาโหม เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ซึ่งเห็นพ้องกันที่จะเชิญคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียเข้ามาสังเกตการณ์บริเวณชายแดนฝั่งไทย ดังนั้น การกล่าวว่าฝ่ายไทยไม่มีความตั้งใจที่จะให้มีคณะผู้สังเกตการณ์เข้ามาจึงคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--