ระหว่างวันที่ ๖ — ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ สาธารณรัฐฮังการีจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย — ยุโรป ครั้งที่ ๑๐ (The 10th Asia — Europe Foreign Ministers’ Meeting — ASEM FMM 10) ที่ Royal Palace เมือง Godollo โดยหัวข้อหลักของการประชุม ได้แก่ “การทำงานร่วมกันเพื่อรับมือกับความท้าทายต่อความมั่นคงในรูปแบบใหม่” (“Working Together on Non — Traditional Security Challenges”) ทั้งนี้ ผู้เข้าร่วมการประชุมฯ ประกอบด้วยสมาชิก ๔๘ คน จากภูมิภาคยุโรปและเอเชีย สำนักเลขาธิการอาเซียน และคณะกรรมาธิการยุโรป และมีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทยในการประชุมดังกล่าว
การเข้าร่วมการประชุมดังกล่าว ถือเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้แสดงให้กลุ่มประเทศเอเชียและยุโรปตระหนักว่า ไทยพร้อมที่จะมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการจัดการกับประเด็นท้าทายความมั่นคงรูปแบบใหม่ อาทิ ความมั่นคงทางพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการจัดการภัยพิบัติทางธรรมชาติ โดยไทยเห็นความสำคัญของการเพิ่มพูนความร่วมมือเพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าวที่สามารถสอดรับกันในทุกระดับ ทั้งในระดับทวิภาคี ภูมิภาค และระหว่างประเทศ รวมถึงในเวทีการประชุม ASEM ด้วย
ที่ผ่านมา ไทยมีบทบาทที่โดดเด่นในการผลักดันให้มีความร่วมมือด้านความช่วยเหลือทางมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติในกรอบของ ASEM มาโดยตลอด โดยในการประชุมครั้งนี้ ไทยพร้อมที่จะเสนอให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์จัดการภัยพิบัติและฝึกอบรมในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ภัยพิบัติของอาเซียน (ASEAN Coordination Centre for Humanitarian Assistance — AHA) ที่อินโดนีเซีย และคลังเก็บอาหารของโครงการอาหารโลก (World Food Program — WFP) ที่ท่าอากาศยาน Subang มาเลเซีย ซึ่งแนวคิดดังกล่าวของไทยได้รับการตอบรับจากที่ประชุมผู้นำอาเซียนมาแล้ว
ข้อเสนอดังกล่าว เป็นการตอกย้ำบทบาทที่แข็งขันของไทยในเรื่องความมั่นคงทางอาหารในกรอบความร่วมมือ ASEM โดยที่ผ่านมา ไทยได้อาสาเป็นประเทศที่มีบทบาทนำ (ASEM Issue-based Leadership) ในประเด็นความมั่นคงทางอาหารในการประชุมผู้นำ ASEM ๗ เมื่อเดือนตุลาคม ๒๕๕๑ ที่กรุงปักกิ่ง และไทยได้จัดการประชุม ASEM High — Level Conference on Food Security เมื่อวันที่ ๙ — ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อส่งเสริมความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลในการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหารระหว่างประเทศสมาชิก ASEM
นอกเหนือจากประเด็นความมั่นคงรูปแบบใหม่แล้ว รัฐมนตรีต่างประเทศและหัวหน้าคณะกลุ่มประเทศในเอเชียและยุโรป ซึ่งจะเข้าร่วมการประชุมฯ ครั้งนี้ จะหยิบยกประเด็นระหว่างประเทศที่สำคัญ ได้แก่ ๑)ประเด็นระดับภูมิภาค อาทิ สถานการณ์ในตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ รวมถึงพัฒนาการที่สำคัญในยุโรปและเอเชีย๒)ประเด็นระดับโลก อาทิ การพัฒนาอย่างยั่งยืน การลดปัญหาความยากจน และการขจัดการแพร่ขยายอาวุธนิวเคลียร์ ๓)ประเด็นการฟื้นตัวจากวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจ และ ๔) อนาคตของความร่วมมือในกรอบ ASEM และ ASEM กับภาคประชาสังคม
อนึ่ง การประชุมเอเชีย-ยุโรป (ASEM) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๓๙ เพื่อเป็นเวทีให้ผู้นำจากเอเชียและยุโรปพบปะหารือ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ ขยายความร่วมมือ และส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างภูมิภาคเอเชียกับยุโรป โดยประกอบด้วยสมาชิก ๔๖ ประเทศ ได้แก่ ประเทศจากทวีปยุโรป ๒๗ ประเทศ ประเทศจากทวีปเอเชีย ๑๖ ประเทศ และสมาชิกใหม่อีก ๓ ประเทศ รวมถึงองค์กรระดับภูมิภาคอีก ๒ องค์กร ได้แก่ สำนักเลขาธิการอาเซียนและคณะกรรมาธิการยุโรป รวมสมาชิกในกรอบการประชุมทั้งสิ้น ๔๘ ราย ทั้งนี้ การประชุมเอเชีย-ยุโรปมีลักษณะเป็นเวทีแลกเปลี่ยนความเห็น (dialogue) อย่างไม่เป็นทางการ มิใช่การประชุมที่มีผลบังคับเป็นรูปธรรม และประเทศสมาชิกสามารถเสนอโครงการกิจกรรมความร่วมมือระหว่างกันได้ในสาขาต่าง ๆ ได้อย่างเปิดกว้างและกว้างขวาง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--