เมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๕๔ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือทวิภาคีกับหัวหน้าคณะผู้แทนเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศเอเชีย-ยุโรป ครั้งที่ ๑๐ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ ๖ — ๗ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี ดังนี้
๑. การหารือทวิภาคีกับนางอาซเต ซไคซกิรีเท — ลิเอาชเคียเน ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศลิทัวเนีย — ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างกันในหลายด้าน ๆ เช่น การส่งเสริมประชาธิปไตย โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ไทยสามารถเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีจากลิทัวเนีย ทั้งในเรื่องที่เกี่ยวกับการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน การพัฒนาการปกครองในระบอบประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพทางอินเตอร์เน็ต และการมีส่วนร่วมของภาคประชาสังคมในการพัฒนาประชาธิปไตย ฝ่ายลิทัวเนียได้แจ้งว่าให้ความสำคัญเพราะเป็นประธาน Community of Democracies และได้เสนอให้มีความร่วมมือระหว่างกันโดยขอเชิญตัวแทนของภาคประชาสังคมของไทยเดินทางไปลิทัวเนีย เพื่อเรียนรู้การทำงานของฝ่ายลิทัวเนีย ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงความเป็นไปได้ที่จะร่วมมือด้านสื่อมวลชนและการสร้างเครือข่ายของสื่อมวลชนไทยและลิทัวเนีย เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจระหว่างกันในระดับประชาชน โดยเชื่อว่าโครงการดังกล่าวในลักษณะนี้จะนำมาซึ่งความร่วมมือทางธุรกิจและความร่วมมือในด้านอื่น ๆ อีกในอนาคต ความร่วมมือทางการศึกษาน่าจะเป็นประโยชน์โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ขอให้ฝ่ายลิทัวเนียพิจารณาส่งเสริมการส่งนักศึกษาลิทัวเนียมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยของไทยที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักในการเรียนการสอน โดยฝ่ายลิทัวเนียเห็นว่าควรพิจารณาเรื่องการส่งนักศึกษาไทยไปศึกษาในลิทัวเนียด้วย เช่น ในสาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ เภสัชศาสตร์ เทคโนโลยีชีวภาพ เนื่องจากไทยให้ความสำคัญและมีความเชี่ยวชาญจากการเป็นศูนย์กลางทางด้านสุขภาพและเวชศาสตร์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ควรมีการพบปะหารือในระดับเจ้าหน้าที่อาวุโสอย่างสม่ำเสมอต่อไป
๒. การหารือทวิภาคีกับนายมาร์คอส คีปรีอานู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไซปรัส — ทั้งสองฝ่ายได้หารือถึงลู่ทางการพัฒนาความสัมพันธ์ทวิภาคี ทบทวนสถานะของความตกลงที่มีอยู่ระหว่างกัน ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ของไทย ได้กล่าวว่า ไทยสามารถเรียนรู้และทำงานร่วมกับไซปรัสในเรื่องต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านความมั่นคงทางทะเลและการปราบปรามโจรสลัด รวมทั้งสานต่อความร่วมมือในกรอบองค์การทางทะเลระหว่างประเทศด้วย
๓. การหารือทวิภาคีกับ ดร. โวล์ฟกัง วัลด์เนอร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการระหว่างประเทศยุโรป ออสเตรีย — ทั้งสองฝ่ายได้หารือประเด็นเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทางธรรมชาติและการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ไทยมีบทบาทสำคัญในประเด็นดังกล่าวในระดับภูมิภาคและระดับระหว่างประเทศ อาทิ ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่เจรจาที่ผ่านมา ไทยได้ส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทหารและพลเรือนในการประสานงานเพื่อให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย ส่วนในเวทีเอเปคและสำนักเลขาธิการสหประชาชาตินั้น ไทยได้พิจารณาให้ท่าอากาศยานอู่ตะเภาเป็นศูนย์จัดการภัยพิบัติและฝึกอบรมในภูมิภาค เพื่อสนับสนุนการดำเนินการของศูนย์ภัยพิบัติของอาเซียน (ASEAN Coordination Centre for Humanitarian Assistance — AHA) ที่อินโดนีเซีย เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ออสเตรียสามารถมีบทบาทในการจัดอุปกรณ์สื่อสาร อาทิ ดาวเทียม เพื่อที่ไทยจะนำไปพัฒนาระบบเตือนภัยล่วงหน้าที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องในการรับมือกับประเด็นความมั่นคงทางอาหาร โดยจำเป็นต้องมีการสร้างมาตรฐานในการบริหารจัดการอาหาร
๔. การหารือทวิภาคีกับนายโลรอง โวกิแอซ รัฐมนตรีประจำรัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส — ทั้งสองฝ่ายได้แสดความพอใจในความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างกัน โดยรัฐมนตรีฝรั่งเศสยืนยันถึงความสำคัญที่ฝรั่งเศสให้กับไทย โดยเฉพาะจากการที่ทั้งสองประเทศได้ลงนามต่ออายุแผนปฏิบัติการร่วมไทย-ฝรั่งเศสเมื่อปีที่แล้ว
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีในสาขาต่าง ๆ ที่มีความสนใจร่วมกัน ทั้งนี้ ยังเห็นพ้องกันว่าจะหาทางร่วมกันเพื่อให้การประชุมในกรอบเอเชีย-ยุโรป มีการจัดลำดับความสำคัญประเด็นความสนใจและสาขาความร่วมมือที่ทุกประเทศสามารถเรียนรู้จากกันและกันได้ ตลอดจนสาขาที่ทุกฝ่ายสามารถผลักดันให้มีความสำเร็จร่วมกันได้มากขึ้น
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--