กระทรวงการต่างประเทศให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งของศาลโลกกรณีกัมพูชาขอให้มีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว

ข่าวต่างประเทศ Wednesday July 20, 2011 11:56 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ เวลา ๑๕.๐๐ น. นายเจษฎา กตเวทิน รักษาการอธิบดีกรมสารนิเทศและรักษาการโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมแก่ผู้สื่อข่าว ณ กระทรวงการต่างประเทศเกี่ยวกับคำสั่ง (Order) ของศาลโลกกรณีกัมพูชาขอให้ศาลฯ ออกมาตรการชั่วคราว สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้

๑. ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) ออกมาตรการชั่วคราวโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อลดความตึงเครียดและป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการปะทะบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา โดยเป็นมาตรการที่จะใช้บังคับเป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลโลกจะมีคำตัดสินหลักเกี่ยวกับกรณีที่กัมพูชาขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารปี ๒๕๐๕ ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ ๑ - ๒ ปี โดยในระหว่างเวลาดังกล่าว อาจจะมีการปรับมาตรการชั่วคราวให้เหมาะสมสอดคล้องตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

๒. ตามมาตรา ๙๔ ของกฎบัตรสหประชาชาติกำหนดให้สมาชิกสหประชาชาติปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยเป็นสมาชิกสหประชาชาติที่มีเกียรติประวัติที่ดีในการปฏิบัติตามกฎบัตรสหประชาชาติมาโดยตลอด ดังจะเห็นได้จากการตัดสินของศาลโลกเมื่อปี ๒๕๐๕ ซึ่งแม้ไทยจะไม่เห็นด้วย แต่ก็ได้ปฏิบัติตาม

๓. เกี่ยวกับเขตปลอดทหารที่ศาลโลกได้มีมาตรการชั่วคราวให้ทหารของทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชาถอนกำลังออกไปโดยทันทีนั้น ขอย้ำว่า มาตรการชั่วคราวดังกล่าวไม่มีผลกระทบใด ๆ ต่ออำนาจอธิปไตย และเขตแดนของไทยแต่อย่างใด ศาลโลกได้กำหนดขอบเขตของพื้นที่ดังกล่าว เพื่อลดการเผชิญหน้ากันทางทหาร ในชั้นนี้ กรมแผนที่ทหารกำลังดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้แผนที่ความชัดเจน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบในเบื้องต้น ทราบว่า การกำหนดพื้นที่ปลอดทหารดังกล่าว ไม่มีฝ่ายใดที่ได้เปรียบหรือเสียเปรียบมากน้อยไปกว่ากัน นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นเพียงเขตปลอดกำลังทหารเท่านั้น ในส่วนของพลเรือนและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังคงสามารถอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวได้ตามปกติ และมาตรการดังกล่าวจะหมดไปทันทีที่ศาลโลกมีคำวินิจฉัยตีความคำพิพากษาปี ๒๕๐๕

๔. การตัดสินของศาลโลกในครั้งนี้ มิได้ทำให้เกิดข้อเสียเปรียบต่อฝ่ายไทย เนื่องจากกัมพูชาได้ขอให้ศาลโลกมีมาตรการชั่วคราวต่อไทยเพียงฝ่ายเดียว แต่ศาลได้ตัดสินให้มีมาตรการชั่วคราวต่อฝ่ายกัมพูชาด้วย ซึ่งศาลโลกได้ยึดหลักความยุติธรรมและมิได้ตัดสินให้เป็นไปตามแนวทางของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว

๕. ตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงช่วงเวลาที่ฝ่ายไทยและกัมพูชาจะตกลงกันเกี่ยวกับการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก จะยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง โดยจะต้องมีการเจรจาระดับทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการ และช่วงเวลาที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลกต่อไป ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายมีพันธะผูกพันจะต้องรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการปฏิบัติตามมาตรการชั่วคราวดังกล่าวต่อศาลโลกเป็นระยะ ๆ

๖. สำหรับการดำเนินการต่อไปของฝ่ายไทย จะต้องมีการนำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมของคณะรัฐมนตรี โดยจะเป็นคณะรัฐมนตรีชุดปัจจุบันหรือชุดต่อไปนั้น ต้องรอผลการตีความของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา

๗. แนวทางที่ดีที่สุดที่จะแก้ไขปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาได้อย่างถาวรคือ การที่ไทยและกัมพูชาจะต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน โดยมองผลประโยชน์ร่วมกันของประชาชนของทั้งสองประเทศ และประชาคมอาเซียนเป็นสำคัญ

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ