กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงเกี่ยวกับการดำเนินการกรณีคำสั่งของศาลโลก

ข่าวต่างประเทศ Tuesday July 26, 2011 15:29 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมหารือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับหน่วยงานด้านความมั่นและหน่วยงานกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินการของไทยกรณีศาลโลกออกมาตรการชั่วคราวเมื่อวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ว่า การประชุมในวันนี้ (๒๕ กรกฎาคม ๒๕๕๔) เป็นผลสืบเนื่องจากการประชุมระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงกลาโหมหารือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการของไทยต่อคำสั่งของศาลโลกที่ออกมาตรการชั่วคราวให้ทั้งไทยและกัมพูชาปฏิบัติตาม โดยที่ประชุมฯ ได้หารือกันเกี่ยวกับแนวทางการปฏิบัติในแต่ละมาตรการ การแบ่งความรับผิดชอบ และการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะนำข้อสรุปจากที่ประชุมฯ กราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อส่งมอบให้กับรัฐบาลชุดใหม่ต่อไป

รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากการดำเนินการข้างต้น กระทรวงการต่างประเทศจะมีหนังสือแจ้งรัฐบาลกัมพูชา องค์การสหประชาชาติ ศาลโลก และอาเซียน เกี่ยวกับความพร้อมของไทยที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของศาลและท่าทีของไทยต่อข้อเสนอของรัฐบาลกัมพูชาที่ต้องการให้มีการจัดทำความตกลงระหว่างไทย กัมพูชา และอินโดนีเซีย ในการปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก และจะได้ประสานกับรัฐบาลอินโดนีเซียผ่านสถานเอกอัครราชทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทยและสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงจาการ์ตา เพื่อหารือในรายละเอียดเกี่ยวกับการบทบาทและกรอบภารกิจของคณะผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซียตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปจากการที่ศาลโลกมีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ย้ำด้วยว่า มาตรการชั่วคราวของศาลโลกดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่ออธิปไตย บูรณภาพเหนือดินแดน และเขตแดนของไทย

ในส่วนของคดีหลักเกี่ยวกับการตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารนั้น ศาลโลกกำหนดให้ไทยส่งข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษรให้กับศาลภายในวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ซึ่งหลังจากศาลมีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราว ตัวแทนของไทย (agent) ได้ร่วมหารือกับที่ปรึกษากฎหมายของไทยที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ในเรื่องการจัดทำร่างข้อสังเกตดังกล่าวแล้ว

รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ตอบข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับแนวทางการปรับกำลังว่า ที่ประชุมฯ เห็นว่าโดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างมีกองกำลังในเขตปลอดทหารชั่วคราว จึงจำเป็นต้องมีการหารือระหว่างกันว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร รวมถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการเข้าไปในเขตปลอดทหารชั่วคราวของพลเรือนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่ต้องพิจารณาต่อไป

ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกลไกการประสานงานกับฝ่ายกัมพูชาเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของศาลโลก รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า ที่ประชุมฯ มีการหารือเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะใช้กรอบคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ในการเจรจากับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งอาจมีความจำเป็นต้องเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาขยายกรอบการเจรจาให้ครอบคลุมประเด็นที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ นอกเหนือจากการปรับกำลัง อาทิ การอนุญาตให้ฝ่ายกัมพูชาเข้า-ออกปราสาทพระวิหารโดยอิสระ รวมถึงการส่งเครื่องอุปโภคบริโภคไปยังบุคลากรที่ไม่ใช่ทหารของกัมพูชา อย่างไรก็ตาม ประเด็นการปรับกำลังเป็นเรื่องที่ไทยกับกัมพูชาต้องหารือกัน ซึ่งรัฐบาลนี้ไม่เห็นด้วยกับการที่ฝ่ายกัมพูชาตั้งเงื่อนไขให้อินโดนีเซียเข้ามามีส่วนร่วมในการเจรจา โดยแม้แต่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ก็ระบุให้ทั้งสองประเทศหารือกันโดยอาศัยกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ และให้อาเซียนเป็นผู้อำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่ก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลใหม่จะต้องพิจารณา

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ