เมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เดินทางเยือนจังหวัดยะลา เพื่อเยี่ยมเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ และบรรยายสรุปและรับฟังข้อคิดเห็นของข้าราชการ ผู้นำทางศาสนา ผู้นำชุมชนท้องถิ่น อาจารย์ นักศึกษา และสื่อมวลชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เกี่ยวกับบทบาทและการดำเนินงานของกระทรวงการต่างประเทศต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และความมั่นคงปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวถึงผลกระทบของโลกาภิวัตน์ต่อการดำเนินชีวิตของประชาชนทั่วทุกมุมโลก โดยการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ง่ายและรวดเร็วมากขึ้นได้ก่อให้เกิดการขยายตัวของประชาธิปไตย การเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ ไม่ว่าจะเป็นตูนิเซีย ลิเบีย อียิปต์ บาห์เรน ซีเรีย และเยเมน ซึ่งต่างก็เป็นความพยายามเปลี่ยนแปลงการเมืองการปกครองจากระบอบที่มีผู้นำเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียวไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย
๒. รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า ในโลกยุคปัจจุบันเห็นได้ชัดถึงแนวโน้มของการเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงบนพื้นฐานของการเจรจาร่วมกันโดยสันติและการไม่ยอมรับการใช้ความรุนแรง ซึ่งน่าสังเกตว่าแนวโน้มดังกล่าวได้ถูกย้ำบ่อยครั้งในถ้อยแถลงของสมาชิกองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) หลายประเทศในที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ OIC ครั้งที่ ๓๘ เมื่อวันที่ ๒๘ มิถุนายน ๒๕๕๔ ณ กรุงอัสตานา ประเทศคาซัคสถาน ซึ่งมีการให้ความสำคัญต่อประเด็นที่ไม่ค่อยได้รับการกล่าวถึงอย่างจริงจังมาก่อน อาทิ การปฏิรูปทางการเมือง การปกครองประเทศโดยใช้หลักธรรมาภิบาล ความเสมอภาคเท่าเทียมกัน การพัฒนาการศึกษา การต่อต้านการก่อการร้าย การใช้สันติวิธีในการแก้ไขปัญหา และการเคารพในอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของกันและกัน
๓. รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศต่อประชาชนในมิติด้านต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนในยุคโลกาภิวัตน์ ทั้งในด้านการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา การคุ้มครองสิทธิมนุษยชน และการรักษาสิ่งแวดล้อม ซึ่งในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ กระทรวงฯ มีบทบาทสำคัญในการให้ข้อมูลและชี้แจงเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องของประชาคมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การความร่วมมืออิสลาม (OIC) เกี่ยวกับสภาพความเป็นจริงในพื้นที่ในทุก ๆ ด้าน และการดำเนินความพยายามอย่างจริงจังของรัฐบาลในการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่และ
สวัสดิภาพของประชาชนในพื้นที่และการยุติปัญหาความขัดแย้งโดยสันติวิธี นอกจากนั้น กระทรวงฯ ยังเสริมสร้างบทบาทด้านการให้บริการและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในต่างจังหวัด โดยในพื้นที่ภาคใต้ ได้เปิดสำนักงานหนังสือเดินทางใน ๔ จังหวัด ได้แก่ ยะลา สงขลา ภูเก็ต และสุราษฎร์ธานี รวมทั้งการอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวไทยมุสลิมที่ประสงค์จะเดินทางไปแสวงบุญในช่วงเทศกาลฮัจย์ที่ซาอุดีอาระเบีย
๔. รัฐมนตรีว่าการฯ แจ้งว่า ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ OIC ครั้งที่ ๓๘ เกี่ยวกับความคืบหน้าการดำเนินการของรัฐบาลไทยในช่วงกว่า ๒ ปีที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ตามคำมั่นที่ได้แจ้งไว้กับ OIC โดยยึดแนวทางพระราชทาน “เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา” รวมถึงการเพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น โดยรัฐสภาให้การรับรองพระราชบัญญัติการบริหารกิจการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ. ๒๕๕๓ ซึ่งส่งผลให้มีการจัดตั้งองค์กรบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ การออกกฎหมายที่สอดคล้องกับวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ของคนไทยที่นับถือศาสนาอิสลาม การส่งเสริมการเรียนการสอนภาษายาวี การจัดสรรงบประมาณพิเศษ ๖๐,๐๐๐ ล้านบาทสำหรับพัฒนาพื้นที่ นอกจากนั้น ยังได้แจ้งถึงการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิตามการปกครองระบบประชาธิปไตยโดยเท่าเทียมกันของผู้นับถือศาสนาต่าง ๆ ในประเทศไทยในการส่วนร่วมทางการเมืองและการปกครอง ทั้งในระดับชาติและระดับท้องถิ่น รวมทั้งความตั้งใจของไทยที่จะขยายความร่วมมือกับ OIC ในด้านการศึกษา วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม พลังงาน สาธารณสุข การท่องเที่ยว การลดความยากจน และความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ย้ำว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ OIC แสดงความหวังว่าสถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยจะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น และไม่เข้าแทรกแซงการดำเนินการของรัฐบาลไทย
๕. รัฐมนตรีว่าการฯ ย้ำว่าประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้จะต้องปฏิเสธการใช้ความรุนแรง เพราะไม่มีทางที่จะนำไปสู่เป้าหมายที่ต้องการ ขณะเดียวกันก็ขอให้ร่วมกันเรียกร้องให้ฝ่ายต่าง ๆ กลับสู่โต๊ะเจรจาเพื่อหาทางออกร่วมกัน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--