เมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน ๒๕๕๔ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเดินทางถึงนครนิวยอร์ก เพื่อเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ สมัยที่ ๖๖ และการประชุมอื่นๆ โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. ในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ จะได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมสมัชชาสหประชาชาติในวันอังคารที่ ๒๗ กันยายน ๒๕๕๔ โดยจะกล่าวถึงนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ โดยเฉพาะการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนต่างชาติต่อประเทศไทย ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้นำเอกสารประชาสัมพันธ์ประเทศไทย ซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายรัฐบาลในด้านต่างๆ มาเผยแพร่ด้วย
๒. นอกจากการประชุมในกรอบสหประชาชาติแล้ว รัฐมนตรีว่าการฯ จะเข้าร่วมการประชุมอื่นๆ ด้วย อาทิ การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเตรียมการประชุม สุดยอดอาเซียนครั้งที่ ๑๙ ที่เมืองบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ เกี่ยวกับเรื่องนี้ สิ่งสำคัญที่รัฐบาลไทยมุ่งหวัง คือ การลดปัญหาความขัดแย้งและการฟื้นฟูความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน การที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจะก้าวไปพร้อมๆ กัน และการให้อาเซียนเป็นแบบอย่างให้กับการรวมกลุ่มระหว่างประเทศระดับภูมิภาคอื่นๆ ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว จะมีการหยิบยกเรื่องความร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติขึ้นหารือด้วย
๓. นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ มีกำหนดที่จะพบปะหารือทวิภาคีกับเลขาธิการสหประชาชาติและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอื่น ๆ อาทิ จีน เยอรมนี รัสเซีย โปรตุเกส มองโกเลีย อิสราเอล ยูเครน และเมียนมาร์ เป็นต้น โดยจะเน้นประเด็นการเพิ่มพูนการค้าและการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น เนื่องจากนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการฯ พิจารณาแสวงหาลู่ทางการส่งเสริมสินค้าเกษตรของไทยในต่างประเทศ และติดตามความคืบหน้าทางเทคโนโลยีของประเทศต่างๆ เพื่อส่งเสริมและเพิ่มพูนความร่วมมือระหว่างรัฐบาลในการถ่ายทอดเทคโนโลยีระหว่างกันให้มากยิ่งขึ้น
อนึ่ง รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ตอบข้อซักถามประเด็นข้อมติเกี่ยวกับปาเลสไตน์ว่า ขณะนี้ไทยยังไม่ได้รับรองข้อมติดังกล่าวและจำเป็นต้องพิจารณาข้อมติที่ที่ประชุมฯ จะนำมาพิจารณาก่อน หากเห็นชอบ ไทยก็สามารถประกาศให้การรับรองข้อมติได้ แต่จะถือว่ายังไม่มีผลอย่างเป็นทางการจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะมีมติรับรองอีกครั้งหนึ่ง
สำหรับข้อกล่าวหาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ที่ระบุว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้ดำเนินการใด ๆ หลังจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีคำสั่งออกมาตรการชั่วคราวให้ไทยและกัมพูชาต้องปฏิบัติตาม นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องนี้ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาคำสั่งของศาลแล้ว นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศยังได้จัดการประชุมหารือกับกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการดำเนินการตามคำสั่งของศาลโลก เพื่อเตรียมเสนอเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของสภาความมั่นคงแห่งชาติ และคณะรัฐมนตรีตามลำดับ ขณะเดียวกันก็มีการประสานงานอย่างใกล้ชิดกับกัมพูชาและอินโดนีเซียด้วย ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นแล้วว่า ไทยพยายามดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องมาโดยตลอด สำหรับคำร้องของกัมพูชาให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหารนั้น ศาลฯ กำหนดให้ไทยส่งข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษร ภายในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--