รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวสุนทรพจน์ในการประชุม Asia-Pacific Business Symposium ณ มลรัฐฮาวาย

ข่าวต่างประเทศ Monday November 14, 2011 06:56 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ ในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีเอเปค ครั้งที่ ๒๓ ณ เมืองฮอนโนลูลู มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวถ้อยแถลงในการประชุม Asia-Pacific Business Symposium ซึ่งจัดโดยศูนย์ East-West Center (EWC) โดยหัวข้อหลักของการประชุม คือ “Regional Sustainability and Resiliency through Public-Private Partnerships, Trade and Small and Medium Enterprises” ซึ่งการประชุมครั้งนี้ ได้มีผู้เข้าร่วมจากองค์กรภาคธุรกิจ ภาครัฐ ภาควิชาการ และองค์กรเอกชนไม่แสวงหาผลกำไรด้วย

รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวถึงบทบาทสำคัญของศูนย์ East-West Center ในการสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสหรัฐฯ กับภูมิภาคเอเชีย รวมถึงความสัมพันธ์กับไทยที่มีมากว่า ๔ ทศวรรษ นับตั้งแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ไปยังศูนย์ฯ และได้พระราชทานศาลาไทยให้เมื่อปี ๒๕๑๐

ในส่วนของไทยนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ประเทศไทยได้ผ่านช่วงเวลาที่ยุ่งยากและท้าทาย ทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โดยในด้านการเมืองนั้น การที่รัฐบาลได้รับเสียงสนับสนุนอย่างท้วมท้นจากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งมิใช่เป็นเพียงชัยชนะสำหรับความมั่นคงทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นชัยชนะสำหรับระบอบประชาธิบไตยอีกด้วย เพราะประชาชนไทยได้พูดอย่างชัดเจน โดยมอบอำนาจให้รัฐบาล นำพาประเทศไปข้างหน้า บนพื้นฐานของการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมทั่วถึงและการพัฒนาที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

สำหรับสถานการณ์อุทกภัยในไทยนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แสดงความขอบคุณต่อนานาประเทศที่ได้ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือแก่ไทย รวมทั้งได้แจ้งให้ทราบด้วยว่า คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติแผนพื้นฟูและบรรเทาอุทกภัย ซึ่งประกอบด้วยความช่วยเหลือเร่งด่วนต่อผู้ประสบภัย การฟื้นฟูสภาพทางสังคม การให้เงินกู้ยืมและสนับสนุนภายหลังน้ำลด และแผนระยะยาวในการจัดการระบบการบริหารน้ำเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายในลักษณะนี้ขึ้นอีก

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่นักลงทุนไทยและต่างชาติในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างเร็วที่สุด และยังรวมถึงมาตราการต่าง ๆ ที่จะเร่งรัดการก่อสร้างและบูรณะนิคมอุตสาหกรรมและระบบการดำเนินการ (logistics) ให้กับคืนสู่สภาวะปกติอีกด้วย

รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการเสริมสร้างการจัดการภัยพิบัติและการปฏิรูปอย่างเป็นระบบ เนื่องจากประเทศในภูมิภาคนี้ ต่างก็ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ ซึ่งจะสามารถประสบความสำเร็จได้โดยความร่วมมือของประชาคมระหว่างประเทศ ในการระดมทรัพยากร และเสริมสร้างความร่วมมือ และทำให้การรวมตัวทางเศรษฐกิจมีความก้าวหน้า

รัฐมนตรีว่าการฯ ยังกล่าวด้วยว่า ไทยอยู่ระหว่างการดำเนินการเพื่อมุ่งสู่การรวมตัวเป็นประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสสำหรับธุรกิจและการค้าในภูมิภาค ซึ่งไทยสามารถเป็นศูนย์กลางในเรื่องนี้ เมื่อคำนึงที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ของไทย ไทยเป็นจุดสำคัญของการเชื่อมโยงในอาเซียนและภูมิภาคใกล้เคียง นอกจากนี้ ยังมีความจำเป็นต้องเสริมสร้างให้ประชาคมอาเซียนมีความแน่นแฟ้นภายในอาเซียนเอง และมีความกว้างขวางโดยส่งเสริมความสัมพันธ์กับภูมิภาคอื่นๆ ในกรอบอาเซียน + ๓ (จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี) เอเปค การประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก เป็นต้น

รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้ให้ความเชื่อมั่นว่า ประเทศไทยมีพื้นฐานที่แข็งแกร่งและสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการเป็นประชาคมธุรกิจระหว่างประเทศ ซึ่งเห็นได้จากการที่ธนาคารโลกได้รายงานว่า ประเทศไทยเป็นอันดับที่สองของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เนื่องจากกฎระเบียบทางธุรกิจที่ส่งเสริมการการค้าการลงทุน นอกจากนี้ ไทยยังคงบทบาทนำในการกระชับความสัมพันธ์ในการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ การสร้างประชาคมและความร่วมมือที่ดีในเอเชีย-แปซิฟิก เพื่อส่งเสริมสันติภาพ ความมั่นคง และความมั่งคั่ง

สำหรับข่าวสารนิเทศสุนทรพจน์ฉบับเต็มสามารถอ่านได้ที่ /web/35.php?id=28342

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ