เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๔ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในประเด็นระดับทวิภาคีและภูมิภาคที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน
ในระหว่างการหารือ นางคลินตันได้แสดงความเสียใจต่อการสูญเสียในเหตุการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ และยืนยันความพร้อมของสหรัฐฯ ที่จะยังคงให้ความสนับสนุนไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ นางคลินตันจะเดินทางเยือนไทยในสัปดาห์หน้า เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนถึงการสนับสนุน ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และความช่วยเหลือของสหรัฐฯ โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลสหรัฐฯ ในการให้ความช่วยเหลือไทย รวมถึงการเสนอให้ความช่วยเหลือในการสูบน้ำออก และซ่อมแซมสนามบินดอนเมือง
เนื่องจากภูมิภาคนี้ มีแนวโน้มที่จะเผชิญปัญหาภัยธรรมชาติ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาภัยพิบัติ (Humanitarian Assistance and Disaster Relief - HADR) รวมถึงความเป็นไปได้ที่จะใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อจุดประสงค์ดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องการเตรียมการ การพัฒนามาตรฐานกระบวนการปฏิบัติงาน และการเสริมสร้างความพร้อมด้านขีดความสามารถของ HADR นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้เน้นในเรื่องที่เกี่ยวข้อง อาทิ ความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งมีความจำเป็นที่จะต้องมีการสำรองอาหารและสินค้าอย่างพอเพียง เพื่อรองรับสภาวะการขาดแคลนเมื่อเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ให้ความมั่นใจกับฝ่ายสหรัฐฯ ว่า การส่งออกด้านอาหารของไทยยังปลอดภัย เนื่องจากสินค้าต่าง ๆ ได้มีการจัดเก็บและผลิตก่อนการเกิดอุทกภัย สำหรับฟาร์มปลาและกุ้ง และการแปรรูปผลิตภัณฑ์นั้น ไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากอุทกภัย จึงไม่มีความจำเป็นต้องกังวลแต่ประการใด
ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะจัดการเวทีการปรึกษาหารือเชิงยุทธศาสตร์ร่วมไทย—สหรัฐฯ ครั้งที่ ๔ ซึ่งสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพเพื่อหารือในประเด็นทวิภาคีด้านยุทธศาสตร์ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน รวมถึงการเน้นย้ำความสำคัญของความเป็นหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย—สหรัฐฯ ที่จะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนระหว่างกันเพื่อประโยชน์ของภาครัฐ ภาคอุตสาหกรรม และภาควิชาการ
สำหรับประเด็นเรื่องเมียนมาร์นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แจ้งให้ฝ่ายสหรัฐฯ ทราบว่า การเดินทางเยือนเมียนมาร์ของนายกรัฐมนตรีเมื่อไม่นานมานี้ ทำให้ฝ่ายไทยได้เห็นถึงแนวโน้มทางบวกต่อการปฏิรูปประชาธิบไตยและการปรองดองแห่งชาติของเมียนมาร์ ซึ่งควรได้รับการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่านโยบายการปฏิรูปจะยังคงดำเนินต่อไป
นอกจากนี้ นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพานิชย์ พร้อมด้วยรัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้พบกับสมาชิกของกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯ เอเปค (U.S. APEC Business Coalition) โดยมีผู้บริหารชั้นนำขององค์กรธุรกิจต่าง ๆ เข้าร่วมกว่า ๒๙ องค์กรอาทิ Google, JP Morgan Chase, General Electric, FedEx, Procter&Gamble, Chevron, AT&T, Visa, UPS, Caterpillar และ ConocoPhillips ซึ่งไทยได้ใช้โอกาสนี้ชี้แจ้งให้ฝ่ายสหรัฐฯ ทราบถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการจัดการกับปัญหาอุทกภัย รวมถึงมาตรการต่าง ๆ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย และภาคธุรกิจ เพื่อให้สามารถกลับมาดำเนินธุรกิจอย่างรวดเร็ว โดยทั้งสองฝ่ายยังได้หารือแนวทางการดำเนินธุรกิจของสหรัฐฯ ในไทยและประเด็นต่าง ๆ ที่อยู่ในความสนใจร่วมกัน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--