เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๔ นาย Ignacio Sagaz Temprano เอกอัครราชทูตราชอาณาจักรสเปนประจำประเทศไทย ได้เข้าเยี่ยมคารวะนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แสดงความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระราชาธิบดี Juan Carlos I แห่งราชอาณาจักรสเปน ที่ทรงมีข้อความพระราชสาส์นแสดงความเสียพระราชหฤทัยต่ออุทกภัยน้ำท่วมในไทย ซึ่งเอกอัครราชทูตฯ กล่าวว่า สมเด็จพระราชาธิบดี Juan Carlos I ตลอดจนสมาชิกราชวงศ์ รัฐบาล และประชาชนชาวสเปน ต่างรู้สึกเป็นห่วงประเทศไทยและประชาชนชาวไทยเป็นอย่างมาก ในการนี้ สเปนยินดีให้ความช่วยเหลือแก่ไทย โดยเห็นว่าความเชี่ยวชาญของสเปนด้านการป้องกันน้ำท่วมผ่านเทคโนโลยีเลเซอร์และภาพถ่ายดาวเทียม การบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนการทำความสะอาดและรีไซเคิลมูลขยะในนิคมอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากสภาวะน้ำท่วมขัง จะเป็นประโยชน์ต่อไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวขอบคุณสำหรับข้อเสนอของสเปน พร้อมกล่าวว่า ในปี ๒๕๕๕ ไทยมีแผนเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำจากประเทศต่าง ๆ มาหารือและเสนอ โครงการป้องกันน้ำท่วมในไทย โดยขอเชิญฝ่ายสเปนเข้าร่วมด้วย ในขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศยินดีและพร้อมที่จะประสานงานและให้ความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับฝ่ายสเปนในการผลักดันโครงการความร่วมมือในเรื่องนี้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวแสดงความยินดีต่อความสัมพันธ์ที่ราบรื่นและมีพัฒนาการอย่างสร้างสรรค์ของไทยและสเปน โดยเฉพาะการลงนามแผนปฏิบัติการร่วมไทย-สเปน (Joint Plan of Action between Thailand and Spain 2010-2015) เมื่อปี ๒๕๕๓ ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยกระชับความสัมพันธ์รอบด้าน และขยายขอบเขตความร่วมมือและความเป็นหุ้นส่วนระหว่างกัน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แสดงความยินดีแก่นาย Mariano Rajoy Brey นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของสเปน ต่อชัยชนะการเลือกตั้งทั่วไปที่ผ่านมา พร้อมเชื่อมั่นว่าสเปนจะผ่านพ้นวิกฤตเศรษฐกิจและกลับมามีพลวัตรทางเศรษฐกิจได้อย่างเดิมอีกครั้ง และย้ำความพร้อมของไทยในการร่วมงานกับรัฐบาลใหม่ของสเปนอย่างเต็มที่
ในโอกาสนี้ เอกอัครราชทูตสเปนได้กล่าวถึงโอกาสและลู่ทางขยายความสัมพันธ์และและความร่วมมือระหว่างไทยกับสเปน ดังนี้
ด้านการเมือง เห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการฯ ที่จะส่งเสริมให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมเห็นว่า ไทยกับสเปนสามารถเพิ่มความร่วมมือระหว่างกันได้ในเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติ การลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นสาขาที่สเปนมีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์
ด้านเศรษฐกิจ เห็นว่า สองฝ่ายยังสามารถขยายความร่วมมือระหว่างกันได้อีกมาก โดยเฉพาะด้านพลังงานทดแทน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (รถไฟความเร็วสูง) ซึ่งสเปนมีความเชี่ยวชาญ โดยล่าสุด สเปนได้รับสัมปทานโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง Medina-Mecca ในราชอาณาจักรซาอุดิอาระเบีย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับไทย และสอดคล้องกับนโยบายที่จะดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-ระยอง และกรุงเทพฯ—นครศรีธรรมราช ในอนาคต อีกทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อโครงการระเบียงเหนือ-ใต้ (North-South Corridor) และระเบียงตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor — EWEC) ในภูมิภาคนี้ด้วย
ด้านการท่องเที่ยว แต่ละปี มีนักท่องเที่ยวไทยไปสเปน ประมาณ ๕๐,๐๐๐ คน และนักท่องเที่ยวสเปนมาไทยประมาณ ๖๐,๐๐๐ คน โดยชาวสเปนนิยมมาท่องเที่ยวหลังการสมรส (honeymoon) ที่ประเทศไทย ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวขอบคุณฝ่ายสเปนที่ได้ปรับข้อความในประกาศเตือนนักท่องเที่ยว (Travel Advisory) ให้มีเนื้อความที่สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยมากขึ้น
ด้านการศึกษา สเปนมีแผนที่จะจัดตั้งศูนย์การเรียนการสอนภาษาสเปน (Instituto de Cervantes) ในประเทศไทย เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาสเปนให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ เห็นพ้องด้วย และเห็นว่า ควรมีโครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษาระหว่างกันด้วย ในการนี้ เอกอัครราชทูตสเปนได้กล่าวเสริมว่า สเปนมีสถาบันการต่างประเทศที่มีชื่อเสียง และเชิญชวนให้นักการทูตไทยสมัครไปศึกษาต่อ
ด้านความร่วมมือทางทหาร เป็นไปด้วยดี โดยปัจจุบัน มีนักศึกษาทหารไปศึกษาที่สเปนแล้วทั้งสิ้น ๕๐ คน จากสามเหล่าทัพ และอยู่ระหว่างการศึกษาที่สเปนอีก ๑๓ คน
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ได้กล่าวเชิญรัฐมนตรีว่าการฯ เยือนสเปน หลังสเปนได้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวยินดี พร้อมชื่นชมความสัมพันธ์ของสองประเทศที่นอกจากจะเป็นมิตรประเทศแล้ว ยังเป็นหุ้นส่วนระหว่างกันอีกด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--