ด้วยเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๔ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนาย เอส เอ็ม กฤษณะ รัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ได้เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมเพื่อความร่วมมือ (JC) ไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๖ ณ กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับอินเดีย ติดตามผลและเร่งรัดให้มีความคืบหน้าใน ประเด็นที่ยังคั่งค้างอยู่ พร้อมทั้งเตรียมการเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรี ในฐานะ Chief Guest ในงานวันชาติอินเดีย (Republic Day) ซึ่งในแต่ละปีอินเดียจะเชิญผู้นำต่างชาติเพียงหนึ่งประเทศเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญที่อินเดียมีต่อไทย ตามนโยบาย Look East ของอินเดีย และความสำคัญที่ไทยให้กับอินเดียตามนโยบาย Look West ของไทย
สำหรับการประชุม JC ไทย-อินเดีย ครั้งที่ ๖ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญหลายหน่วยงานเข้าร่วมประชุม คือ สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยมีการหยิบยกเรื่องต่าง ๆ ขึ้นหารือกันระหว่างกัน อาทิ
๑. ความมั่นคงและการทหาร — เพื่อติดตามผลการประชุมคณะทำงานร่วมด้านความมั่นคงไทย-อินเดีย และเร่งรัดให้มีการลงนามในบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านฝ่ายกลาโหม
๒. เศรษฐกิจ - ผลักดันให้การเจรจาความตกลงเขตการค้าเสรีไทย-อินเดียเต็มรูปแบบเสร็จสิ้น ภายในกลางปี ๒๕๕๕ และขอให้ฝ่ายอินเดียโอนสิทธิการบินจากเส้นทางที่ยังเปิดทำการบินไม่เต็มสิทธิมาใช้เส้นทางที่ต้องการเที่ยวบินเพิ่มไปพลางก่อน
๓. วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี - เร่งรัดให้การจัดทำแผนความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระหว่างปี ๒๕๕๕ — ๒๕๕๗ ภายใต้ความตกลงด้านวิทยาศาสตร์ฯ ไทย - อินเดีย และสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศได้เสนอการส่งเสริมความร่วมมือกับอินเดียในด้านต่าง ๆ อาทิ การสำรวจแผนที่ในเขตเมือง การประมวลผลภาพถ่ายดาวเทียม และการออกแบบดาวเทียมเพื่อสำรวจโลก เป็นต้น
๔. การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม - เร่งรัดการเจรจาบันทึกความตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเสนอความร่วมมือด้านการบริหารจัดการน้ำเพื่อสนับสนุนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ของรัฐบาลในเรื่องนี้ต่อไป
๕. วัฒนธรรม - เร่งรัดการจัดทำแผนปฏิบัติการว่าด้วยโครงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมภายใต้ ความตกลงวัฒนธรรม ไทย — อินเดีย การฉลองพุทธชยันตี (การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าครบ ๒,๖๐๐ ปี) และการสนับสนุนโครงการการฟื้นฟูมหาวิทยาลัยนาลันทา
๖. การท่องเที่ยว - ขอให้อินเดียใช้ไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ อำนวยความสะดวกผู้ แสวงบุญชาวไทยที่เดินทางไปอินเดีย พร้อมทั้งให้ฝ่ายอินเดียออก Visa on Arrival แก่นักท่องเที่ยวชาวไทยด้วย
๗. กฎหมายและการกงสุล - เร่งรัดความตกลงที่ยังครั่งค้างอยู่ อาทิ ความตกลงว่าด้วยการโอนตัวนักโทษ สนธิสัญญาว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน และความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือซึ่งกันและกันในคดีแพ่งและพาณิชย์ รวมทั้งขอให้ผ่อนผันกฎเกณฑ์สำหรับการตรวจลงตราสำหรับการทำงาน ซึ่งกำหนดรายได้ขั้นต่ำ ๒๕,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
๘. Connectivity - หารือเกี่ยวกับการพัฒนาโครงการเชื่อมถนนสามฝ่ายอินเดีย-เมียนมาร์-ไทย การสร้างท่าเรือน้ำลึกเมืองทวายเพื่อเชื่อมโยงไปสู่อ่าวเบงกอลและอินเดีย (เมืองเจนไน) และการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ อ. ปากบารา จ.สตูล
นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องตั้งคณะทำงานร่วมด้านการกงสุลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยและวีซ่าสำหรับพระสงฆ์ นักท่องเที่ยว และนักธุรกิจ รวมทั้งการตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อพัฒนาเครือข่ายเชื่อมโยงด้าน Connectivity เพื่อพัฒนาเครือข่ายคมนาคมระหว่างทั้งสองประเทศ และระหว่างอนุภูมิภาคที่ทั้งสองประเทศตั้งอยู่
อนึ่ง ก่อนเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้หารือกลุ่มเล็กกับรัฐมนตรีต่างประเทศอินเดีย ซึ่งฝ่ายอินเดียได้ย้ำถึงความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ที่ให้กับไทยตามนโยบาย Look East ของอินเดีย โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอบคุณอินเดียสำหรับการอำนวยความสะดวกในการเสด็จเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของราชวงศ์ไทยตลอดมา การให้ความช่วยเหลืออุทกภัยในไทยจำนวน ๖ ล้านบาท และการเตรียมการเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีซึ่งฝ่ายอินเดียได้ให้ความสำคัญมาก เห็นได้จากการที่ได้เชิญนายกรัฐมนตรีมาในฐานะ Chief Guest งานวันชาติอินเดีย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--