เมื่อวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๔ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้เดินทางเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามความคืบหน้าในประเด็นที่นายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้ระหว่างการเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๔ โดยรัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานได้เข้าเยี่ยมคารวะสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และมีการหารือกันในหลายประเด็นที่ทั้งสองประเทศให้ความสำคัญ อาทิ ประเด็นเกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเล ความร่วมมือด้านพลังงานและไฟฟ้า การส่งเสริมความร่วมมือด้านกีฬาระหว่างกัน และการให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาของไทย นอกจากนี้ ทั้งสองยังได้หารือเกี่ยวกับการเปิดด่านที่บ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสระแก้ว — สตึงบท จังหวัดบันเตียเมียนเจย และปัญหาการลักลอบตัดไม้ตามแนวชายแดนไทย — กัมพูชาด้วย
ในช่วงเช้าของวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้เข้าพบหารือกับนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ที่กระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา โดยประเด็นที่มีการหยิบยกขึ้นหารือ ได้แก่ การเตรียมการสำหรับการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (JC) ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพในปี ๒๕๕๕ การปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) การให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาแก่กัมพูชา การเป็นประธานอาเซียนของกัมพูชาในปี ๒๕๕๕ และการเจรจาเกี่ยวกับเขตแดนทางทะเล
ภายหลังการหารือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของทั้งสองประเทศได้แถลงข่าวร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า การเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการในครั้งนี้บรรลุวัตถุประสงค์ด้วยดี ทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างจริงใจภายใต้บรรยากาศที่อบอุ่นและฉันมิตร นับว่าเป็นการเปิดศักราชใหม่แห่งความสัมพันธ์ทวิภาคีกับกัมพูชาตามที่นายกรัฐมนตรีได้หารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาในระหว่างการเยือนอย่างเป็นทาง โดยทั้งสองฝ่ายจะส่งเสริมความร่วมมือระหว่างกันในทุกด้าน สำหรับประเด็นที่เป็นปัญหาระหว่างกันก็ให้เปิดช่องทางในการเจรจาหารือระหว่างกันตามกรอบกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่ โดยให้จำกัดปัญหาไว้ไม่ให้กระทบกับความร่วมมือที่ดีในด้านอื่น ๆ โดยคำนึงว่าความมั่นคงและมั่งคั่งของกัมพูชาคือความมั่นคงและมั่งคั่งของไทยด้วย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาต่างเห็นพ้องกันที่จะจัดการประชุม JC ระหว่างวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ — ๑ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังยืนยันความจริงใจในการปฏิบัติตามคำสั่งมาตรการชั่วคราวของ ICJ อย่างโปร่งใส เท่าเทียม และตรวจสอบได้ ตามผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ครั้งที่ ๘ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันไว้
รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวอีกว่า ไทยพร้อมให้การสนับสนุนและร่วมมือกับกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนปี ๒๕๕๕ อย่างเต็มที่ เพื่อให้ปี ๒๕๕๕ เป็นอีกปีหนึ่งของความสำเร็จของอาเซียนภายใต้การนำของกัมพูชา โดยเฉพาะความร่วมมือด้านการจัดการภัยพิบัติทางน้ำ โดยไทยหวังว่ากัมพูชา ในฐานะประธานอาเซียน จะยังคงให้ความสำคัญและผลักดันความร่วมมือด้านนี้ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาเห็นด้วยกับรัฐมนตรีว่าการฯ โดยจะให้ประเด็นด้านการจัดการภัยพิบัติเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับปีหน้าต่อไป
หลังจากนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้พบปะกับมารดาของนายวีระ สมความคิด และพี่ชายของนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ซึ่งญาติของคนไทยทั้ง ๒ คนแสดงความเข้าใจถึงข้อจำกัดในการให้ความช่วยเหลือแก่นายวีระฯ และนางสาวราตรีฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้มอบหมายให้เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ประสานกับกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการแลกเปลี่ยนนักโทษตามที่ฝ่ายกัมพูชาเสนอต่อไป
จากนั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เข้าเยี่ยมกิจการศูนย์พัฒนาฝีมือแรงงานกัมพูชา-ไทย ซึ่งจัดตั้งขึ้นด้วยการสนับสนุนของฝ่ายไทยเพื่อพัฒนาฝีมือแรงงานในสาขาอาชีพช่างและอาชีพบริการต่าง ๆ ตามความต้องการของตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นที่น่ายินดีที่คนกัมพูชากว่า ๓,๘๐๐ คน ได้รับการฝึกอาชีพจากศูนย์ดังกล่าว ทั้งนี้ ฝ่ายกัมพูชาได้ขอความร่วมมือไทยให้การสนับสนุนการสร้างหอพักและลานกีฬาให้กับศูนย์ฯ ซึ่งทางรัฐมนตรีว่าการฯ รับที่จะพิจารณา
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--