เมื่อวันที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้มอบนโยบายในการประชุมระหว่างเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประจำประเทศเพื่อนบ้าน (เมียนมาร์ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และมาเลเซีย) กับผู้บริหารของกระทรวงการต่างประเทศ และได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยมีสาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้
๑. รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอให้เอกอัครราชทูตฯ และกงสุลใหญ่ฯ ปฏิบัติหน้าที่เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน โดยยึดคำแถลงของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเป็นหลัก โดยเฉพาะการเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์ และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านในทุกระดับ และเอกอัครราชทูตฯ พร้อมด้วยกงสุลใหญ่ฯ ภายใต้ทีมประเทศไทย ต้องประสานงานกับภาคเอกชนของประเทศเพื่อนบ้านด้วย เพื่อส่งเสริมธุรกิจและการค้าระหว่างกัน นอกจากนี้ จะต้องให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจประเด็นปัญหาตามแนวชายแดนด้วย เกี่ยวกับเรื่องนี้ ได้ยกตัวอย่างกรณีความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งกระทรวงฯ ได้จัดทำหนังสือเกี่ยวกับประเด็นปัญหาเขาพระวิหารแจกจ่ายแก่สาธารณชนไทย เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง
๒. รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ขอให้เอกอัครราชทูตฯ และกงสุลใหญ่ฯ ติดตามการส่งเสริมการค้าตามแนวชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการผลักดันและยกระดับจุดผ่อนปรนต่างๆ อาทิ จุดผ่อนปรนบ้านฮวก อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรกับประเทศลาว / จุดผ่อนปรน กิ่วผาวอก อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ และจุดผ่อนปรนบ้านห้วยต้นนุ่น อำเภอขุนยวม จังหวัดแม่ฮ่องสอน ให้เป็นจุดผ่านแดนถาวรกับประเทศเมียนมาร์ รวมถึงการเร่งการเปิดจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่กับกัมพูชาที่สตึงบท และการติดตามบูรณาการขยายพื้นที่ด่านสะเดา — บูกิตกายูฮิตัม และด่านบ้านประกอบ — ดุเรียนบุหรง รัฐเกดะห์ กับประเทศมาเลเซีย รวมทั้งการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน เช่น ด้านอำเภอ ตากใบ อำเภอสุไหงโก — ลก และอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเชื่อมโยงกับรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย และเขตเศรษฐกิจพิเศษ อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก เพื่อเชื่อมกับเขตเศรษฐกิจเมียวดี ประเทศเมียนมาร์ เป็นต้น
๓. นอกจากนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการคมนาคมขนส่งของไทยก่อนการรวมตัวกันเป็นประชาคมอาเซียน ในปี ๒๕๕๘ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เน้นย้ำความสำคัญของการสร้างความเชื่อมโยงของโครงข่ายคมนาคม การจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าตามเส้นทางคมนาคมระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและอาเซียน โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก -ตะวันตก (East — West Economic Corridor: EWEC) และเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวเหนือ -ใต้ (North — South Economic Corridor - NSEC)
๔. รัฐมนตรีว่าการฯ ย้ำความสำคัญของภาคเอกชน โดยยกตัวอย่าง การเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในช่วงที่ผ่านมา โดยได้นำนักธุรกิจเอกชนเดินทางไปด้วย และจะพิจารณาเชิญภาคเอกชนไทยไปพร้อมกับนายกรัฐมนตรีในการเยือนประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย
๕. นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวถึงการหารือกับนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะให้มีการอนุญาตให้ทำใหม่ หรือต่ออายุบัตรประชาชนไทยให้กับคนไทยที่พำนักอยู่ที่ต่างประเทศที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ทั่วโลกด้วย โดยคาดว่าจะมีการลงนามในบันทึกความตกลงเร็ว ๆ นี้
๖. ในการตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับประเด็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชา นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับกัมพูชามีพัฒนาการที่ดีขึ้น และคาดว่าจะมีการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาในช่วงเดือนเมษายน ศกนี้ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันต่อไป สำหรับการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และนางสาวราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า ฝ่ายกัมพูชาได้แจ้งว่า บุคคลทั้งสองต้องรับโทษ ๑ ใน ๓ ก่อน จึงจะมีการพิจารณาลดหย่อนโทษได้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--