กระทรวงการต่างประเทศมอบนโยบายให้กับเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประเทศเพื่อนบ้าน

ข่าวต่างประเทศ Friday February 10, 2012 11:27 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมด้วยนายธนะ ดวงรัตน์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ นายวิทวัส ศรีวิหค เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ นายอนุสนธิ์ ชินวรรโณ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย นายสมปอง สงวนบรรพ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ และนายกัลยาณะ วิภัติภูมิประเทศ อุปทุต ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ร่วมกันแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังการประชุมรระหว่างเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ประเทศเพื่อนบ้านกับผู้บริหารกระทรวงฯ เมื่อวันที่ ๗-๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ สรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้

๑. การประชุมฯ ในครั้งนี้ เป็นไปตามคำแถลงของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาที่เน้นการฟื้นฟูความ สัมพันธ์ และพัฒนาความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งในระดับทวิภาคีและภูมิภาค โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เป็นประธานเปิดการประชุมฯ และมอบนโยบายให้แก่เอกอัครราชทูตฯ / กงสุลใหญ่ฯ ประเทศเพื่อนบ้าน โดยขอให้ส่งเสริมความสัมพันธ์ในภาพรวม ความมั่นคงบริเวณชายแดนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนการมีผลงานที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ที่ประชุมฯ ได้มีการวิเคราะห์ ทบทวน และปรับปรุงยุทธศาสตร์ของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านรายประเทศ โดยเห็นว่าการมีแผนงานที่ชัดเจนในแต่ละปี จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างกัน และเป็นการเตรียมความพร้อมของ ไทยในการก้าวไปสู่ประชาคมอาเซียนในปี ๒๕๕๘

๒. ปลัดกระทรวงฯ ได้ย้ำถึงนโยบายการดำเนินงานของไทยต่อประเทศเพื่อนบ้านที่เน้นการทำงานในเชิงรุกบนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะในเรื่อง ๑) การสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ๒) แสวงหาความร่วมมือในทุกระดับ โดยเฉพาะในระดับประชาชนต่อประชาชน ๓) การเพิ่มบทบาทของไทยในการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ๔) การสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดน ๕) การอำนวยความสะดวกเรื่องพิธีการข้ามแดน ๖) การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกัน ๗) การใช้กลไกการทำงานที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด และ ๘) การส่งเสริมการค้า การลงทุน ระหว่างกัน

๓. สำหรับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน นั้น เอกอัครราชทูต / อุปทูต ไทยในแต่ละประเทศ ได้กล่าวโดยสังเขป ดังนี้

๓.๑ เอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย กล่าวว่า รัฐบาลมาเลเซียมีนโยบายที่จะยกระดับประเทศให้เป็นประเทศพัฒนาแล้วภายในปี ๒๕๖๓ จึงทำให้ปัจจุบัน มีการปรับปรุง พัฒนา และลงทุนภายในประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งเปิดโอกาสให้แรงงานไทย ในการนี้ ไทยจะต้องศึกษา/ปรับปรุงตลาดแรงงานของตนให้เป็นไปตามความต้องการของมาเลเซีย นอกจากนี้ มาเลเซียยังถือได้ว่ามีความสำคัญมากต่อไทย เพราะนอกจากจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทยแล้ว การค้าบริเวณชายแดนไทย-มาเลเซีย ยังมีปริมาณมหาศาลอีกด้วย ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ ซึ่งในระหว่างการเยือนฯ จะได้มีหารือถึงแนวทางการกระชับความสัมพันธ์ผ่านกลไกต่าง ๆ ที่มีอยู่แล้วให้เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

๓.๒ เอกอัครราชทูต ณ กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเวียดนามและไทยอยู่ในระดับที่ดีมาก และสองประเทศเน้นการส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมมากขึ้น อาทิ การเร่งรัดจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย-เวียดนาม และการส่งเสริมการคมนาคมขนส่งตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor — EWEC) ซึ่งเชื่อมเวียดนามภาคกลาง-ลาว-ไทย และเวียดนามภาคใต้-กัมพูชา-ไทย ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามได้ประกาศการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมโลกช่วงการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เมื่อปี ๒๕๕๔ อันเป็นช่องทางและโอกาสของไทยในด้านการค้า การลงทุนกับเวียดนาม และการสร้างความร่วมมือในระดับภูมิภาค

๓.๓ เอกอัครราชทูต ณ เวียงจันทน์ สปป.ลาว กล่าวว่า ปัจจุบัน ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านนั้น เน้นการลดช่องว่างในการพัฒนา การพัฒนาทรัพยกรมนุษย์ การเชื่อมโยงภายในภูมิภาค การพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขัน และการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมโลกและอาเซียน สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างลาวกับไทย นั้น เป็นไปอย่างราบรื่น คงมีปัญหาระหว่างกันเล็กน้อย อาทิ ปัญหาแรงงาน อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ เป็นต้น ทั้งนี้ ปี ๒๕๕๕ เป็นปีที่มีความสำคัญกับ สปป. ลาว มาก เนื่องจากลาวจะเป็นประธานการประชุมเอเชีย-ยุโรป (Asia-Europe Meeting — ASEM) และได้ประกาศให้ปี ๒๕๕๕ นี้ เป็นปีแห่งการท่องเที่ยวลาวด้วย

๓.๔ เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ผู้นำทั้งสองประเทศมีความเห็นตรงกันว่าปัญหาที่มีอยู่ในปัจจุบัน จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาความสัมพันธ์และความร่วมมือระหว่างกัน ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ในปัจจุบัน ราบรื่นและมีพัฒนาการที่ดีเรื่อยมา โดยจะมุ่งเน้นการใช้กลไกที่มีอยู่แล้วในการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะกรรมการเขตแดนและการประชุมคณะกรรมาธิการร่วม ที่จะมีขึ้นในเร็ว ๆ นี้

๓.๕ อุปทูต ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศเมียนมาร์ กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทย — เมียนมาร์ อยู่ในระดับที่ดี ถึงแม้ว่าจะมีเขตแดนติดต่อกันกว่า ๒,๔๐๑ กิโลเมตร แต่ทั้งสองฝ่ายก็จะใช้กลไกที่มีอยู่ในการร่วมกันพิจารณาปักปันเขตแดนระหว่างกัน นอกจากนี้ ที่ผ่านมา สองประเทศได้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง ทั้งในระดับนายกรัฐมนตรี ประธานวุฒิสภา และผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในการนี้ ไทยยินดีต่อพัฒนาการทางการเมืองและความมั่นคงในเมียนมาร์ รวมทั้งการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ของประเทศตะวันตกต่อเมียนมาร์ เพราะไทยเห็นว่า ความมั่นคงและเสถียรภาพของเมียนมาร์เป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งสำหรับไทย

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ