นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสหพันธรัฐมาเลเซียอย่างเป็นทางการในวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ เพื่อแนะนำตัวต่อประเทศสมาชิกอาเซียนประเทศสุดท้าย พร้อมทั้งผลักดันความร่วมมือระดับทวิภาคีและในกรอบอาเซียน
การเดินทางเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เป็นกำหนดการที่เลื่อนมาจากเดือนตุลาคม ๒๕๕๔ เนื่องด้วยสถานการณ์อุทกภัยภายในประเทศ การเยือนครั้งนี้จึงเป็นการเยือนประเทศสมาชิกอาเซียนลำดับสุดท้าย โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อแนะนำตัวในโอกาสเข้ารับตำแหน่งและทำความรู้จักคุ้นเคยกับผู้นำของประเทศมาเลเซีย และเพื่อแสดงเจตนารมณ์และความพร้อมของไทยที่จะร่วมมือกับมาเลเซียทั้งในระดับทวิภาคีและในกรอบอาเซียน เพื่อผลักดันความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าและเป็นรูปธรรม
โดยนายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสนี้ ยืนยันความสัมพันธ์อันใกล้ชิดระหว่างไทย — มาเลเซีย เนื่องจากมาเลเซียเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญกับไทย และเป็นหุ้นส่วนที่ใกล้ชิดในทุกด้านทุกระดับ ได้แก่ การรื้อฟื้นกลไกความร่วมมือทวิภาคีที่มีอยู่เพื่อให้เกิดพลวัตทางความร่วมมือให้มีผลเป็นรูปธรรม ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะได้แสดง ความพร้อมของไทยในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทยและมาเลเซีย (Joint Commission - JC) และการประชุมยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย — มาเลเซีย (Joint Development Strategy - JDS) ภายในครึ่งแรกของปี ๒๕๕๕ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ ๕ ระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่าย ซึ่งมาเลเซียมีกำหนดเป็นเจ้าภาพ รวมถึง การเร่งรัดการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการพิจารณากฎระเบียบที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ชายแดนไทย — มาเลเซีย และความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความมั่นคง ข้ามแดนที่ทั้งสองฝ่ายประสบร่วมกัน ซึ่งส่งผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่นคงในพื้นที่ชายแดน อาทิ การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์และการลักลอบอาวุธ
ในการนี้ นายกรัฐมนตรี จะได้มีการผลักดันความร่วมมือกับมาเลเซียในสาขาเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ แต่ยังไม่มีการดำเนินการเพื่อให้มีผลเป็นรูปธรรม อาทิ อุตสาหกรรมฮาลาลและการร่วมลงทุนในประเทศที่สาม รวมถึง ความร่วมมือในการสร้างความกินดีอยู่ดีในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ของไทยและรัฐทางเหนือและตะวันออกของมาเลเซีย เพื่อสนับสนุนความเชื่อมโยงในอาเซียน และในกรอบสามเหลี่ยมเศรษฐกิจ (Indonesia-Malaysia-Thailand — Growth Triangle หรือ IMT-GT) และการพัฒนายุทธศาสตร์เศรษฐกิจเพื่อการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีจะใช้โอกาสการเยือนครั้งนี้เชิญนายกรัฐมนตรีมาเลเซียเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum on East Asia ครั้งที่ ๒๑ ระหว่างวันที่ ๓๐ พฤษภาคม — ๑ มิถุนายน ๒๕๕๕ ที่กรุงเทพฯ
ไทยกับมาเลเซียมีความสัมพันธ์ราบรื่น บนพื้นฐานของผลประโยชน์และจุดมุ่งหมายร่วมกัน ตลอดจนให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี เพื่อสนับสนุนความเชื่อมโยงในอาเซียน ทั้งนี้ มาเลเซียเป็นคู่ค้าอันดับที่ ๔ ของไทย และไทยเป็นคู่ค้าอันดับที่ ๕ ของมาเลเซีย โดยในปี ๒๕๕๔ การค้ารวมระหว่างไทยกับมาเลเซียมีมูลค่า ๒๔,๗๒๔.๘ ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยการค้าชายแดนประกอบเป็นสัดส่วนร้อยละ ๗๔ ของการค้ารวมระหว่างสองประเทศ ในด้านการลงทุน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน อนุมัติการขอโครงการการลงทุนจากมาเลเซีย จำนวน ๒๑ โครงการ มูลค่า ๓,๘๖๓ ล้านบาท มาเลเซียมีความสนใจที่จะมาลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์และอิเล็กทรอนิกส์ การแปรรูปยางพาราและปาล์มน้ำมัน สำหรับด้านการท่องเที่ยว ในปี ๒๕๕๔ มีนักท่องเที่ยวจากมาเลเซียเดินทางมาประเทศไทยมากเป็นอันดับหนึ่ง จำนวน ๒.๔๗ ล้านคน และนักท่องเที่ยวไทยเดินทางไปมาเลเซีย จำนวน ๑.๕๒ ล้านคน
กำหนดการเยือนสหพันธรัฐมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีและคณะ มีดังนี้
นายกรัฐมนตรีและคณะมีกำหนดการออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ในเวลา ๑๑.๒๐ น. โดยเครื่องบินของกองทัพอากาศ (Airbus ๓๑๐-๓๐๐) เที่ยวบินพิเศษ RTAF ๒๑๙ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์ และจะเดินทางต่อไปยังสำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย (Dataran Perdana) เมืองปุตราจายา เพื่อเข้าพบดาโต๊ะ ชรี มูฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน ฮัจญี อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในเวลา ๑๕.๓๐ น. โดยจะมีการต้อนรับอย่างเป็นทางการ การหารือเต็มคณะระหว่างไทย — มาเลเซีย และการลงนามในการแถลงการณ์ร่วมและการแถลงข่าวร่วม ต่อจากนั้น ในเวลา ๑๘.๑๕ น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าเฝ้าสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียที่พระราชวัง Istana Negara ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ และนายกรัฐมนตรีจะเดินทางไปยังที่พัก ณ โรงแรม Mariott Putrajaya เพื่อให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนไทย และในเวลา ๒๐.๐๐ น. นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการเข้าร่วมงานเลี้ยงอาหารค่ำที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐมาเลเซียเป็นเจ้าภาพเพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีและคณะ ณ ทำเนียบนายกรัฐมนตรี (Seri Perdana) ก่อนจะออกเดินทางไป ท่าอากาศยานนานาชาติกรุงกัวลาลัมเปอร์เพื่อกลับประเทศไทย โดยจะถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เวลา ๒๓.๒๕ น.
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--