เมื่อวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เกี่ยวกับการเดินทางไปเข้าร่วมกาประชุมคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Human Rights Council - HRC) สมัยที่ ๑๙ ในช่วงผู้แทนระดับสูง (High Level Segment) ว่า ได้กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุม High Level Segment โดยได้ยื่นยันว่า ไทยยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเห็นได้จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนกรกฏาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านพ้นไปด้วยความราบรื่น และรัฐบาลได้เดินหน้านโยบายสังคมและสิทธิมนุษยชนหลายประการตั้งแต่เข้ารับตำแหน่ง อาทิ การจัดตั้งกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี การส่งเสริมการเข้าถึงการบริการสาธารณสุข การใช้เทคโนโลยีช่วยในการศึกษา (เช่น นโยบาย One Tablet per Child) การส่งเสริมสิทธิคนพิการ โดยเฉพาะการขอเสียงสนับสนุนสำหรับนายมณเฑียร บุญตัน ผู้สมัครของไทยในคณะกรรมการสิทธิคนพิการแห่งสหประชาชาติ และการทำงานร่วมกับ คอป. และการให้เงินชดเชยค่าเชียหายผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความรุนแรงทางการเมือง เพื่อส่งเสริมความสมานฉันท์ภายในประเทศ
นอกจากนี้ ในช่วงกล่าวถ้อยแถลง รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้ยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลที่จะดำเนินการตามคำมั่นด้านสิทธมนุษยชนที่ไทยเคยประกาศไว้กับประชาคมระหว่างประเทศ อาทิ การลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการป้องกันบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (Convention on the Protection of All Persons from Enforced Disappearance - CED) การให้การต้อนรับผู้เสนอรายงานพิเศษว่าด้วยการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะสตรีและเด็ก (Special Rapporteur on Trafficking in Persons, especially women and children) และการเตรียมพร้อมให้ผู้เสนอรายงานพิเศษในประเด็นอื่น ๆ เยือนไทยในอนาคต และการดำเนินงานภายใต้กระบวนการทบทวนสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของประเทศ (Universal Periodic Review — UPR) โดยไทยได้ให้การพิจารณาอย่างจริงจังต่อข้อเสนอแนะต่าง ๆ ที่ได้รับจากผลจากการทบทวนประเทศไทย
ในส่วนของมุมมองของไทยเกี่ยวกับแนวทางในการรับมือกับสถานการณ์เร่งด่วนรายประเทศของ HRC รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวว่า HRC ควรเสริมสร้างแนวทางที่เน้นความร่วมมือและการมีส่วนรวมของประเทศที่เกี่ยวข้อง เช่นในกรณีของประเทศศรีลังกา และยินดีกับพัฒนาการทางบวกใน เมียนมาร์ โดยสนับสนุนให้มติของ HRC เกี่ยวกับเมียนมาร์มีความสมดุลและยอมรับพัฒนาการดังกล่าว ทั้งนี้ ในกรณีที่เร่งด่วนและคับขัน HRC ก็ต้องดำเนินการอย่างเด็ดเดี่ยวเพื่อไม่ให้สถานการณ์แย่ลง เช่น ในกรณีของประเทศซีเรีย
สำหรับการหารือทวิภาคีกับองค์การระหว่างประเทศและประเทศต่าง ๆ รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่าในการพบปะหารือกับนางNavanethem Pillay ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งหสประชาชาติ (High Commissioner for Human Rights) นาง Pillay ได้แสดงความยินดีในบทบาทด้านการส่งเสริม สิทธิมนุษยชนของไทยในภูมิภาค และการดำรงตำแหน่งประธาน HRC ของไทยในสมัยที่แล้วด้วย และขอบคุณไทยสำหรับการให้เงินอุดหนุน HRC แม้ไทยจะประสบอุทกภัยครั้งร้ายแรงในปีที่ผ่านมา ในขณะที่ฝ่ายไทยได้แจ้งความคืบหน้าในกระบวนการปรองดอง และแสดงความเห็นเกี่ยวกับร่างข้อมติเกี่ยวกับ เมียนมาร์ใน HRC สมัยที่ ๑๙ นี้ ว่า ควรเป็นไปอย่างสร้างสรรค์และมีความสมดุล โดยควรได้รับฉันทามติจากทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ในการพบปะหารือกับนาย Vuk Jeremic รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐเซอร์เบีย ฝ่ายเซอร์เบียได้ขอเสียงสนับสนุนจากไทยสำหรับการลงสมัครเป็นประธาน UNGA สมัยที่ ๖๘ และทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความตกลงยกเว้นการตรวจลงตราสำหรับหนังสือเดินทางทูตและราชการระหว่างกัน โดยเห็นควรเร่งรัดให้มีการลงนาม ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้ย้ำคำเชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเซอร์เบียเยือนประเทศไทยในโอกาสที่ทั้งสองฝ่ายสะดวก ซึ่งนาย Jeremic เห็นว่าอาจเป็นโอกาสในการลงนามความตกลงดังกล่าวด้วย
สำหรับการหารือทวิภาคีกับนาย Mahinda Samarasinghe รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและผู้แทนพิเศษด้านสิทธิมนุษยชนของประธานาธิบดีศรีลังกา ฝ่ายศรีลังกาได้ขอบคุณไทยสำหรับการสนับสนุนและความเข้าใจในสถานการณ์ภายในของศรีลังกา ซึ่งฝ่ายไทยแสดงความหวังว่า กระบวนการปรองดองในศรีลังกาจะมีความคืบหน้าต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายศรีลังกายังแสดงความยินดีในความร่วมมือทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีกับประเทศไทย เช่น ความร่วมมือด้านการจัดการน้ำและการจัดการปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ และเชิญรัฐมนตรีว่าการฯ เยือนศรีลังกาด้วย ในส่วนของฝ่ายไทย รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แสดงความหวังที่จะได้รับการสนับสนุนในการสมัครเข้าเป็นสมาชิก HRC วาระปี ๒๕๕๘ — ๒๕๖๐ และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UN Security Council - UNSC) วาระปี ๒๕๖๐ — ๒๕๖๑ ซึ่งฝ่ายศรีลังกาแจ้งการสนับสนุนการสมัคร HRC ของไทย สำหรับประเด็นการสมัครเข้าเป็นสมาชิก UNSC นั้น นาย Samarasinghe รับที่จะส่งเรื่องให้กระทรวงการต่างประเทศศรีลังกาพิจารณาต่อไป
อนึ่ง รัฐมนตรีว่าการฯ จะพบปะหารือกับ ดร. ศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UN Conference on Trade and Development — UNCTAD) ด้วย ซึ่งจะเป็นโอกาสหารือเกี่ยวกับท่าทีไทยและกลุ่มประเทศต่าง ๆ ต่อการร่างเอกสารผลการประชุม UNCTAD ครั้งที่ ๑๓ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการเจรจาและการเข้าร่วมการประชุมของคณะผู้แทนไทยในเดือนเมษายน ๒๕๕๕
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--