นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเยือนสาธารณรัฐเกาหลีอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของรัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลี และเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ ปี ๒๕๕๕ (2012 Nuclear Security Summit) ระหว่างวันที่ ๒๔-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ โดยจะใช้โอกาสดังกล่าว สร้างความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยหลังวิกฤติอุทกภัยที่ผ่านมา เพื่อให้นักลงทุนสาธารณรัฐเกาหลีมั่นใจในการลงทุนในไทย
ในการเยือนสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งจะมีขึ้นระหว่างวันที่ ๒๔-๒๕ มีนาคม ๒๕๕๕ มีเป้าหมายเพื่อกระชับความสัมพันธ์ไทย-สาธารณรัฐเกาหลี ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นในทุกมิติ โดยนายกรัฐมนตรีมีกำหนดการสำคัญ ได้แก่ การหารือข้อราชการกับประธานาธิบดีอี มยองบัก แห่งสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งประเด็นการหารือจะครอบคลุมทั้งเรื่องการค้าการลงทุน การส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคี (การเกษตร แรงงาน การท่องเที่ยว พลังงานนิวเคลียร์ และการเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม) การพบปะกับบุคคลสำคัญ ทั้งจากภาครัฐและเอกชน การเยี่ยมชมระบบการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบของสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำของไทย รวมทั้งการกล่าวสุนทรพจน์แก่นักศึกษามหาวิทยาลัยสตรีอีฮวา
หลังจากนั้น ระหว่างวันที่ ๒๖-๒๗ มีนาคม ๒๕๕๕ นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมการประชุมระดับผู้นำว่าด้วยความมั่นคงทางนิวเคลียร์ (Nuclear Security Summit) ที่สาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพ ซึ่งจะมีผู้นำจาก ๕๒ ประเทศ และอีก ๓ องค์กร (สหประชาชาติ/ ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) / องค์การตำรวจสากล (INTERPOL) เข้าร่วมฯ โดยไทยจะได้แสดงจุดยืนและย้ำถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองของรัฐบาลในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์และการลดภัยคุกคามจากการก่อการร้ายที่ใช้นิวเคลียร์ ตลอดจนเป็นโอกาสที่นายกรัฐมนตรีจะได้พบปะหารือกับผู้นำหลายประเทศจากทั่วโลกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประเทศไทย
การประชุม Nuclear Security Summit (NSS) ครั้งนี้ เป็นการประชุมเพื่อต่อยอดจากการประชุมครั้งแรกในปี ๒๕๕๓ ที่กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา โดยในครั้งนี้ จะมีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินการด้านความมั่นคงทางนิวเคลียร์เพื่อให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับประเด็นความมั่นคงทางนิวเคลียร์และได้ดำเนินการตามข้อมติคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
ภายหลังการประชุม NSS ที่กรุงวอชิงตัน ไทยได้เข้าร่วม Global Initiative to Combat Nuclear Terrorism (GICNT) และได้เสนอให้จัดตั้งเครือข่ายระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลทางนิวเคลียร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอยู่ในระหว่างการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านการสืบค้นร่องรอยทางนิวเคลียร์
อนึ่ง การเดินทางเยือนสาธารณรัฐเกาหลีครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่ไทยจะได้สร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมการลงทุนกับภาคเอกชนสาธารณรัฐเกาหลี โดยเฉพาะภายหลังจากที่ไทยประสบปัญหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีจะได้พบปะกับภาคเอกชนชั้นนำของสาธารณรัฐเกาหลีที่มีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศไทย รวมทั้งได้เชิญภาคเอกชนไทยที่มีศักยภาพที่จะลงทุนร่วมเดินทางไปในครั้งนี้ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--