เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน ๒๕๕๕ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับการที่นายคาร์ล บิลด์ท ( Carl Bildt) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและอดีตนายกรัฐมนตรีสวีเดน ได้เข้าพบนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในโอกาสเดินทางเยือนไทยก่อนเข้าร่วมการประชุมอาเซียน — สหภาพยุโรป ครั้งที่ ๑๙ ที่บรูไนดารุส ซาลาม โดยทั้งสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและย้ำถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและสวีเดนที่มีความแน่นแฟ้นในทุกมิติ
ในด้านความสัมพันธ์ทางการเมือง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะให้มีการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงระหว่างกันมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในระดับนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนได้เชิญรัฐมนตรีว่าการฯ เยือนสวีเดนด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับความตกลงต่าง ๆ ที่ยั่งคั่งค้างอยู่ อาทิ แผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดนที่ครอบคลุมความสัมพันธ์ในทุกมิติ โดยทั้งสองฝ่ายหวังว่า แผนปฏิบัติการร่วมไทย-สวีเดนจะมีความคืบหน้าและสามารถลงนามได้ในเดือนหน้า ระหว่างการเดินทางเยือนไทยของรัฐมนตรีการค้าสวีเดน
ในด้านธุรกิจ การค้า และการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่ามีความใกล้ชิดกันมาก ซึ่งเห็นได้จากการที่มูลค่าการลงทุนของสวีเดนในไทยมีมากกว่า ๒ พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีบริษัทชั้นนำของสวีเดนเข้ามาลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก อาทิ ไอเกีย อิริคสัน และวอลโว โดยรัฐมนตรีว่าการฯ ได้ถือโอกาสนี้ เชิญให้นักลงทุนสวีเดนเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสวีเดนทราบว่า ธนาคารโลก ได้จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่สะดวกต่อการดำเนินธุรกิจ เป็นอันดับ ๒ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอันดับ ๑๗ ของโลก จึงทำให้ไทยมีบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุนมากกว่าหลายประเทศในเอเชีย
ในระดับประชาชน ทั้งสองฝ่ายเห็นว่ามีความสนิทสนทกันมาโดยตลอด โดยในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวสวีเดนเดินทางมาไทยกว่า ๔๐๐,๐๐๐ คน ซึ่งไทยเป็นประเทศที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสวีเดน โดยนิตยสารท่องเที่ยวสวีเดนได้จัดอันดับให้ไทยเป็นประเทศที่น่าท่องเที่ยวอันดับ ๑ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของประชาชนสวีเดนที่มีต่อประเทศไทย
นอกจากนี้ ยังได้มีการหารือเกี่ยวกับพัฒนาการต่าง ๆ ในภูมิภาค โดยเฉพาะเมียนมาร์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายยินดีที่มีเมียนมาร์มีพัฒนาการในเชิงบวก โดยล่าสุด รัฐมนตรีต่างประเทศสหภาพยุโรปได้มีมติเมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ศกนี้ รระงับการคว่ำบาตรเมียนมาร์เป็นเวลา ๑ ปี เพื่อเป็นการสนับสนุนกระบวนการประชาธิบไตยในเมียนมาร์ และหวังว่าพัฒนาการของเมียนมาร์จะคืบหน้าต่อไป ซึ่งไทยเอง ก็มองว่าเป็นพัฒนาการในทางบวกต่อเมียนมาร์ เพราะไทยได้ขอให้ประเทศต่าง ๆ พิจารณาการยกเลิกการคว่ำบาตรเมียนมาร์ด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--