ตามที่ปรากฏรายงานข่าวว่า ผู้แทนองค์กรภาคประชาสังคมบางองค์กรที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ออกแถลงการณ์ร่วมวิพากษ์วิจารณ์ว่า ในโอกาสที่นาย Sayed EL-Masry ที่ปรึกษาและผู้แทนพิเศษของเลขาธิการองค์การความร่วมมืออิสลาม หรือ Organization of Islamic Cooperation (OIC) เยือนประเทศไทยระหว่างวันที่ ๗-๑๓ พฤษภาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการต่างประเทศไม่ได้เปิดพื้นที่ให้นักกิจกรรมด้านสิทธิมนุษยชนดังกล่าวเข้ามีโอกาสอย่างเป็นทางการและให้ระยะเวลาเพียงพอในการร่วมนำเสนอข้อมูลแก่คณะผู้แทน OIC นั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๕ นายธานี ทองภักดี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบคำถามสื่อมวลชน ดังนี้
๑. วัตถุประสงค์ของการเยือนประเทศไทยของคณะ OIC คือ เพื่อติดตามพัฒนาการในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนถาคใต้ (จชต.) ของไทย โดยเฉพาะนโยบายและการดำเนินการแก้ไขปัญหา จชต. ของรัฐบาลปัจจุบัน และในขั้นตอนการจัดทำกำหนดการนั้น กระทรวงฯ ได้หารือกับทางคณะ OIC อย่างใกล้ชิดมาโดยตลอด โดยได้จัดกำหนดการตามความประสงค์ของคณะ OIC ทุกประการ ทั้งนี้ เนื่องจากต้องการให้คณะ OIC ได้ข้อมูลที่ครบถ้วน มีความเข้าใจที่ถูกต้อง อีกทั้งเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการดำเนินงานที่เปิดเผยและโปร่งใสของรัฐบาลไทยในการแก้ไขปัญหา จชต.
๒. คณะ OIC ระบุหน่วยงานภาคประชาสังคมที่ประสงค์จะพบ กระทรวงการต่างประเทศจึงไม่มีหนังสือเชิญเฉพาะองค์กร/ภาคประชาสังคมที่ฝ่าย OIC ขอมาเท่านั้น แต่เมื่อมีองค์กรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับเชิญขอเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมในวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ด้วยนั้น กระทรวงการต่างประเทศก็มิได้ขัดข้องหรือตอบปฏิเสธแต่อย่างใด และได้เปิดให้เข้าร่วม
๓. อย่างไรก็ดี เนื่องจากกำหนดการที่แน่นมาก กอปรกับความล่าช้าในการเดินทาง ทำให้กำหนดการต่าง ๆ ทั้งที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและต้องร่นลงไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น ในการประชุมเมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ที่ผ่านมา หัวหน้าคณะผู้แทน OIC ได้แจ้งว่าจะพบกับองค์กรภาคประชาสังคมที่มารอเพียงเพื่อทำความรู้จักกับองค์กรต่าง ๆ ก่อน และจะขอพบหารือในรายละเอียดในวันถัดไป แต่เมื่อหัวหน้าคณะฯ ได้แจ้งวัตถุประสงค์ของการเยือนประเทศไทยและขอรับทราบความคิดเห็นในประเด็นว่าพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของประชาชนอย่างไร องค์กรต่าง ๆ จึงได้ถือโอกาสนั้นแสดงความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ ที่เตรียมมาด้วย และเมื่อผู้เข้าร่วมประชุมได้พูดครบแล้ว หัวหน้าคณะผู้แทน OIC จึงแจ้งว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการประชุมในวันรุ่งขึ้นอีก
๔. กระทรวงการต่างประเทศขอยึนยันว่า ให้ความสำคัญต่อบทบาทและการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคมในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องกับคณะ OIC อนึ่ง กระทรวงการต่างประเทศได้จัดกำหนดการให้คณะฯ พบกับหน่วยงาน องค์กรมุสลิม และนักวิชาการมุสลิมอื่น ๆ เช่นที่มูลนิธิเพื่อศูนย์กลางอิสลามแห่งประเทศไทย ในวันที่ ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๕๕ ซึ่งได้มีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--