เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม ๒๕๕๕ กระทรวงการต่างประเทศ โดยกรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสถานกงสุลใหญ่ของไทยในจีนทั้ง ๘ แห่ง* จัดเวทีสัมมนาเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการไทยที่สนใจไปทำธุรกิจในจีน ณ วิเทศสโมสร กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนายวิบูลย์ คูสกุล เอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง เป็นผู้ดำเนินรายการ
“ทุกวันนี้ เศรษฐกิจของจีนและโอกาสทางธุรกิจในจีน เป็นที่สนใจของนักธุรกิจไทย ดังที่ทราบกันดีว่า ปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญของการทำกิจการใด คือ ต้องรู้จักเขา แล้วนำมาปรับตัวเรา”
“การเปิดเวทีเพื่อติดตามผลการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ มีเป้าประสงค์หลักเพื่อให้กลไกทางด้านเศรษฐกิจของกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลความรู้ให้ท่านได้รู้จักจีนอย่างถ่องแท้ยิ่งขึ้น โดยเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องจากทั้งภาคเอกชนที่มีประสบการณ์และจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบมาเป็นวิทยากรในวันนี้ด้วย” รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ นายณัฐวุฒิ โพธิสาโร กล่าวในพิธีเปิด
การสัมมนาฯ มีหัวข้อหลักที่น่าสนใจ ๗ หัวข้อ ได้แก่
- การแบ่งปันประสบการณ์ธุรกิจค้าปลีกของบริษัทซีพี
- ข้อแนะนำในการลงทุนในจีน ประสบการณ์จริงของกลุ่มน้ำตาลมิตรผล
- อนาคตเงินหยวนในการค้าไทย-จีน และตลาดโลก
- จีน:แหล่งเงินทุนของธุรกิจไทย
- โอกาสและผลประโยชน์จาก ASEAN-China FTA
- อนาคตสินค้าไทยและสินค้าเกษตรไทยในจีน
- ธุรกิจบันเทิงไทยในตลาดจีนปัจจุบัน ความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง สิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่า...รัก
ในการเยือนจีนของนายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ ๑๗-๑๙ เมษายนที่ผ่านมา ฝ่ายไทยและฝ่ายจีนได้เห็นพ้องร่วมกันในหลายประเด็นทางเศรษฐกิจ ที่สำคัญ คือ การตั้งเป้าหมายร่วมกันในช่วง ๕ ปีข้างหน้า (๒๕๕๕-๒๕๕๙) ให้การค้าระหว่างไทยกับจีนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ ต่อปี การลงทุนเพิ่มขึ้นร้อยละ ๑๕ ต่อปี และจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๐ ต่อปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายจีนจะสนับสนุนให้ฝ่ายไทยส่งสินค้าเกษตรที่มีคุณภาพไปยังจีนมากยิ่งขึ้น
ในโอกาสการเยือนดังกล่าว นายกรัฐมนตรีได้หารือกับภาคเอกชน ทั้งนักธุรกิจที่ร่วมคณะนายกรัฐมนตรีไปเยือนจีน และนักธุรกิจที่ประกอบกิจการในประเทศจีนอยู่แล้ว โดยได้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการเสริมสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับจีน อาทิ การส่งเสริมการลงทุนของไทยในจีน การผลักดันสินค้าเกษตรของไทยในจีน การสร้าง “แบรนด์ประเทศไทย” และการส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านสื่อบันเทิง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้รับฟังปัญหาและอุปสรรคที่ภาคเอกชนไทยประสบในการทำธุรกิจในตลาดจีน เพื่อหามาตรการแก้ไขต่อไปด้วย
ในการสัมมนาครั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้แนะนำ “ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในจีน” (Thailand Business Information Center in China — ศูนย์ BIC) ซึ่งกระทรวงฯ จัดตั้งขึ้นตั้งแต่ปี ๒๕๔๙ โดยอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง และสถานกงสุลใหญ่ของไทยในจีนอีก ๘ แห่ง เพื่อสนับสนุนภาคเอกชนไทยที่สนใจมาประกอบธุรกิจและลงทุนในจีน ผ่านการให้บริการข้อมูลและคำปรึกษาแบบเจาะลึก โดยเฉพาะข้อมูลรายมณฑลของจีน อาทิ ข้อมูลเศรษฐกิจพื้นฐานของแต่ละมณฑล นโยบายการลงทุนในพื้นที่ต่าง ๆ ของจีน โอกาสและความท้าทายในการลงทุนในแต่ละอุตสาหกรรม และการแบ่งปันประสบการณ์ของนักธุรกิจไทยที่มาลงทุนในจีน เป็นต้น
“กระทรวงการต่างประเทศได้จัดสรรงบประมาณให้กับโครงการศูนย์ BIC เป็นประจำทุกปี เพื่อให้ศูนย์ BIC เป็นแหล่งข้อมูลเชิงลึกด้านเศรษฐกิจ เจาะลึกธุรกิจที่น่าสนใจรายมณฑล จึงขอเชิญชวนให้ทุกท่านใช้ประโยชน์จากศูนย์ BIC ให้เต็มที่” รัฐมนตรีต่างประเทศกล่าวเสริม
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--