เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๕ นายจุลพงษ์ โนนศรีชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ได้พบหารือกับ ดร.ริยาด มาลิกี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ ในโอกาสที่เยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม United Nations Asian Pacific Meeting in Support of Israeli — Palestinian Peace โดยภายหลังการหารือ สองฝ่ายได้ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
๑. ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ แจ้งว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบกับการรับรองรัฐปาเลสไตน์เมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔ นั้น บัดนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันในระดับเอกอัครราชทูต โดยมีผลตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัมมาน จอร์แดน จะมีเขตอาณาครอบคลุมปาเลสไตน์ ในขณะที่ สถานเอกอัครราชทูตปาเลสไตน์ประจำมาเลเซีย จะมีเขตอาณาครอบคลุมประเทศไทย ทั้งนี้ การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการพัฒนาความสัมพันธ์บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันต่อไป
๒. นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือ โดยเฉพาะความร่วมมือทางวิชาการและฝึกอบรม ซึ่งปัจจุบันมีเฉพาะในสาขาประมงและการก่อสร้าง โดยทั้งสองฝ่ายจะขยายความร่วมมือให้ครอบคลุมสาขาอื่น ๆ ต่อไป
๓. ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ได้สรุปสถานะของกระบวนการเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง ซึ่งผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ ได้แจ้งว่า ไทยสนับสนุนสิทธิในการกำหนดใจตนเองของชาวปาเลสไตน์ และสนับสนุนการเจรจาสันติภาพบนหลักการ Two-State Solution
๔. ฝ่ายไทยได้ใช้โอกาสดังกล่าวชี้แจงถึงสถานการณ์และการดำเนินงานของรัฐบาลไทยในการแก้ไขสถานการณ์ในเขตสามจังหวัดภาคใต้ของไทย ซึ่งฝ่ายปาเลสไตน์ในฐานะรองประธานถาวรขององค์การความร่วมมืออิสลาม (Organisation of Islamic Cooperation : OIC) ได้แสดงความเข้าใจในสถานการณ์และแจ้งว่า ยินดีสนับสนุนไทยในประเด็นดังกล่าว
๕. ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์ เกี่ยวกับระยะเวลาที่ต้องใช้ในกระบวนการเจรจาสันติภาพในตะวันออกกลาง นั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าวว่า ความขัดแย้งดังกล่าวมีมานานกว่า ๗๐ ปี และปาเลสไตน์ได้มีส่วนร่วมในกระบวนการเจรจาในช่วง ๒๐ ปี ที่ผ่านมา ปาเลสไตน์พร้อมที่จะอดทนและไม่เร่งรัดในการแก้ปัญหาโดยเชื่อว่า การเจรจาโดยตรง ซึ่งมีทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเป็นหนทางที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา
๖. ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชนต่อผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ เกี่ยวกับแผนงานของไทยในการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจของปาเลสไตน์ นั้น ผู้ช่วยรัฐมนตรีฯ แจ้งว่า ไทยพร้อมให้ความช่วยเหลือและขยายความร่วมมือกับปาเลสไตน์ การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจะเป็นจุดเริ่มต้นของการขยายความร่วมมือให้กว้างขึ้นและในสาขาที่หลากหลาย ที่ผ่านมา ไทยได้ให้การสนับสนุนทางการเงินเป็นประจำแก่ปาเลสไตน์ผ่าน UNRWA (United Nations Relief and Work Agency for Palestinian Refugees in the Near East) เป็นจำนวน ๓๐,๐๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อปี
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--