ผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี ๒๕๕๕

ข่าวต่างประเทศ Thursday August 9, 2012 11:13 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้แถลง ผลการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ประจำปี ๒๕๕๕ ที่ศูนย์ข่าว กระทรวงการต่างประเทศ

สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้

กระทรวงการต่างประเทศได้จัดการประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลก ระหว่างวันที่ ๓ — ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยแบ่งเป็นช่วงการหารืออย่างไม่เป็นทางการระหว่างวันที่ ๓ - ๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ และการประชุมอย่างเป็นทางการที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๖ - ๘ สิงหาคม ๒๕๕๕ โดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ได้ทรงเข้าร่วมการประชุมในช่วงการประชุมอย่างเป็นทางการ ในฐานะเอกอัครราชทูตและประธานคณะกรรมาธิการว่าด้วยการป้องกันอาชญากรรมและความยุติธรรมทางอาญาแห่งสหประชาชาติ

การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ทั่วโลกครั้งนี้ จัดขึ้นหลังจากว่างเว้นไป ๔ ปี โดยครั้งสุดท้ายจัดขึ้นเมื่อปี ๒๕๕๑ การประชุมครั้งนี้นับว่าพิเศษกว่าครั้งก่อน ๆ เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ต่าง ๆ ในภูมิภาคและในโลกเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้รับความสนใจมากขึ้น ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ ประเทศในยุโรปกำลังมีปัญหาทางเศรษฐกิจ และสหรัฐฯ ได้ปรับนโยบายมาให้ความสำคัญกับเอเชียมากขึ้น

ประเด็นสำคัญที่หารือกันในที่ประชุม ได้แก่ (๑) การสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทย (๒) การเร่งเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน และการมีบทบาทสำคัญในอาเซียน (๓) การส่งเสริมบทบาทของไทยในระดับภูมิภาคและเวทีโลกให้มากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องค่านิยมสากลที่สำคัญ เช่น สิทธิมนุษยชน และในการแก้ไขปัญหาไร้พรมแดนที่มีผลกระทบต่อทุกคน เช่น การก่อการร้าย อาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด และสิ่งแวดล้อม (๔) การดำเนินการเชิงรุกในการเสริมสร้างความสัมพันธ์กับประเทศที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ โดยการแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูงอย่างต่อเนื่อง

นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้ให้นโยบายแก่เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในเรื่องต่าง ๆ สรุปได้ดังนี้ (๑) สร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นที่ต่างประเทศมีต่อไทย (๒) แสวงหาข้อมูลเชิงลึกจากต่างประเทศ มารวบรวมไว้ที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำไปวิเคราะห์ปรับยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศ (๓) ให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ส่งเสริมประชาสัมพันธ์สินค้าไทย ดังเช่นโครงการฝากทูตไปขาย ที่กระทรวงมหาดไทยจัดร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ และโครงการ ๑ ทูต ๓ ผลิตภัณฑ์ ที่กระทรวงการต่างประเทศได้ริเริ่มขึ้นมา โดยให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ระบุสินค้า ๓ รายการที่มีศักยภาพในตลาดของประเทศที่ประจำการ โดยมุ่งเน้นสินค้าเกษตร เพื่อสนับสนุนเกษตรกรและผู้ประกอบการของไทย (๔) ให้ทุกหน่วยงานของไทยในต่างประเทศทำงานอย่างบูรณาการในลักษณะทีมประเทศไทย (๕) ทำงานภายใต้หลักการ “การทูตเพื่อประชาชน” ซึ่งในเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เน้นย้ำให้เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ ทำให้การต่างประเทศเป็นสิ่งที่จับต้องได้ ให้กระทรวงการต่างประเทศเป็นสิ่งที่ “พึ่งได้ ใกล้ตัว”

การประชุมครั้งนี้ ได้รวมประเด็นใหม่ ๆ เข้ามาด้วย เช่น การทูตวิทยาศาสตร์เพื่อเชื่อมโยงการทูตกับประเด็นด้านนวัตกรรม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับผู้แทนภาคธุรกิจ ภาคประชาสังคม สื่อมวลชน และนักวิชาการ ถึงบทบาทการทูตไทยที่จะตอบสนองต่อความต้องการของ ภาคส่วนเหล่านี้ เพราะการต่างประเทศมิใช่เรื่องของกระทรวงการต่างประเทศเท่านั้น แต่เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนเพื่อผลประโยชน์ของชาติ

เอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ยังได้รับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง เช่น สถานการณ์

การเมืองไทย นโยบายเศรษฐกิจไทย ทิศทางการพัฒนาประเทศไทยภายใต้แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ ๑๑ และสถานการณ์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้

การประชุมเอกอัครราชทูตและกงสุลใหญ่ในปีนี้ นับว่าประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง เพราะได้มาแลกเปลี่ยนข้อมูลและความคิดเห็นร่วมกันในช่วงเวลาสำคัญ ที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ทำให้เรามีแนวทางในการทำงานได้อย่างตรงเป้าและสอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อปรับตัวให้สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างเข้มแข็ง เกิดผลประโยชน์อันเป็นรูปธรรมและจับต้องได้ เพื่อความกินดีอยู่ดีของคนไทย

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ