เมื่อวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานเปิดการประชุมเจ้าหน้าที่กงสุลทั่วโลกประจำปี ๒๕๕๕ พร้อมทั้งให้โอวาทแก่เจ้าหน้าที่กงสุลของกระทรวงการต่างประเทศที่ประจำการที่สถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยทั่วโลก ตลอดจนเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่สำนักงานหนังสือเดินทางในต่างจังหวัด รวมแล้วกว่า ๑๒๐ คน ณ โรงแรม เดอะ สุโกศล กรุงเทพฯ โดยภายหลังพิธีเปิดฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน สรุปสาระสำคัญ ดังนี้
๑. การประชุมดังกล่าว จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๒๐ — ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ภายใต้หัวข้อหลัก (theme) “Go Beyond Routine” ซึ่งเน้นการให้เจ้าหน้าที่กงสุลได้ทำงานและคิดนอกกรอบ อันจะเพิ่มประสิทธิภาการให้บริการประชาชน ซึ่งถือเป็นหัวใจหลักของงานกงสุล
๒. การประชุมดังกล่าวเป็นเวทีให้เจ้าหน้าที่กงสุลได้รับฟังนโยบายการทูตเพื่อประชาชน รับทราบถึงสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของไทย ซักซ้อมทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎระเบียบต่าง ๆ รับทราบแนวคิดใหม่ ๆ ในการให้บริการประชาชน รวมถึงได้ร่วมกันหามาตรการเชิงรุกในการให้บริการด้านกงสุลแก่คนไทย ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างดีขึ้น นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่กงสุลได้เรียนรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์จริงระหว่างกัน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่กงสุลที่ประจำอยู่ประเทศที่มีประสบการณ์ตรงจากสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ อาทิ ภัยธรรมชาติและผลกระทบจากวิกฤติโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น ความไม่สงบทางการเมือง ในภูมิภาคตะวันออกกลาง (หรือ Arab Spring) และองค์ความรู้อื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ อันจะทำให้นโยบายการต่างประเทศเป็นนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน” ที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น
๓. ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ขอให้เจ้าหน้าที่กงสุลเน้นการอำนวยความสะดวกแก่ชาวต่างชาติที่มาขอรับบริการ ตลอดจนให้บริการคนไทยเสมือนญาติ เพราะเจ้าหน้าที่กงสุลถือเป็นหน้าด่านของกระทรวงการต่างประเทศในต่างประเทศ
๔. ปัจจุบัน คดีความที่ค้างคาของกระทรวงการต่างประเทศอันเกิดจากการช่วยเหลือคนไทยมีอยู่ประมาณ ๗๐๐ คดี ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นคดีเกี่ยวกับเงินยืมที่คนไทยตกทุกข์ได้ยากได้ทำสัญญากู้ยืมเพื่อซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินกลับบ้าน แต่พอกลับมาประเทศไทยแล้ว ไม่มีการคืนเงินแก่รัฐบาล ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ จึงอยู่ระหว่างการหาข้อมูลและแนวทางที่จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลยกหนี้ให้คนไทยเหล่านี้
๕. นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศอยู่ระหว่างการติดตั้งระบบ e-passport ระยะที่ ๒ แทนระยะแรกที่หมดสัญญาไป ซึ่งจะเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลการผลิตหนังสือเดินทาง จากเดิมวันละ ๓,๐๐๐ เล่ม เพิ่มเป็นวันละ ๘,๐๐๐ เล่ม นอกจากนี้ จะมีการพิมพ์ลายนิ้วมือครบทั้ง ๑๐ นิ้ว แทนการพิมพ์ลายนิ้วมือแบบนิ้วเดียว และจะมีการพัฒนาระบบสารสนเทศของกระทรวงการต่างประเทศให้ทันสมัยและทันเหตุการณ์มากยิ่งขึ้น
๖. อนึ่ง รัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศมีนโยบายขยายพื้นที่การให้บริการด้านกงสุลและการต่างประเทศครอบคลุมทั้ง ๗๗ จังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนและให้ความช่วยเหลือแก่จังหวัดในมิติด้านการต่างประเทศ ในการนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ มีกำหนดนำทีมไปให้บริการด้านหนังสือเดินทางที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างวันที่ ๒๓ - ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ ภายใต้โครงการบัวแก้วสัญจรด้ว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--