เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้นำคณะผู้บริหารและข้าราชการของกระทรวงการต่างประเทศเยือนอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อพบปะและสร้างความเข้าใจอันดีกับส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ ตามนโยบาย “การทูตเพื่อประชาชน”
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เป็นประธานเปิดการสัมมนาชุมชนเรื่อง “การ เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ” เพื่อช่วยให้ประชาชนได้มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง ทั้งในเรื่องของการเตรียมตัว การเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ตลอดจนช่องทางการรับความช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงต่าง ๆ เนื่องจากการไปทำงานในต่างประเทศหรือการเดินทางไปใช้ชีวิตในต่างประเทศ นั้น มีทั้งเรื่องของความสำเร็จและการพบเจอกับปัญหาต่าง ๆ อาทิ การถูกหลอกลวง การถูกเอารัดเอาเปรียบ การถูกละเมิดสิทธิโดยนายจ้าง และการติดหนี้ติดสิน โดยหวังว่าข่าวสารและความรู้ที่ได้รับจากการสัมมนาครั้งนี้ ประชาชนในพื้นที่จะได้นำไปเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ให้ครอบครัว ญาติ พี่น้อง ตลอดจนชุมชนได้รับทราบและคอยเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ไม่หวังดีฉกฉวยโอกาสเข้ามาหลอกลวงได้
นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ยังได้ตรวจเยี่ยมการให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศได้จัดขึ้นในสามอำเภอ ได้แก่ อำเภอฝาง อำเภอชัยปราการ และอำเภอแม่อาย ระหว่างวันที่ ๒๐-๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน แทนการต้องเดินทางไปทำหนังสือเดินทางที่อำเภอเมือง ทั้งนี้ การให้บริการหนังสือเดินทางเคลื่อนที่เป็นนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศที่ต้องการให้การบริการเข้าถึงประชาชน โดยจากสถิติของการให้บริการ นั้น มีประชาชนในพื้นที่และบริเวณ ใกล้เคียงมาใช้บริการแล้ว เฉลี่ยวันละเกือบ ๒๐๐ ราย
อนึ่ง ในการเยือนอำเภอฝางครั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้รับคำร้องจากกำนันและผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ขอให้ประสานทางการเมียนมาร์เพื่อพิจารณาเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติม อาทิ ด่านปางตอง อำเภอฝาง และด่านสันต้นดู่ อำเภอแม่อาย เพื่ออำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้าขายบริเวณชายแดน ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะได้ประสานทางการเมียนมาร์ต่อไป โดยในวันที่ ๒๔ สิงหาคม ๒๕๕๕ นี้ กระทรวงการต่างประเทศจะได้ประชุมกับจังหวัดเชียงราย เพื่อพิจารณาการเปิดด่านบริเวณชายแดนไทย-เมียนมาร์ และในวันที่ ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๕ จะประชุมเพื่อพิจารณาการเปิดด่านชายบริเวณชายแดนไทย-ลาว ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นการดำเนินตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเปิดด่านบริเวณชายแดนเพิ่มเติม เพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุน กับประเทศเพื่อนบ้าน อันจะนำมาซึ่งการกินดีอยู่ดีของประชาชนชาวไทย
ต่อข้อซักถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกระแสข่าวเรื่องโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกัมพูชาแสดงความไม่พอใจกรณีไทยออกข่าวว่าชาวมิสลิมกัมพูชาอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า ไม่น่าเกี่ยวข้องกัน เพราะชาวมิสลมกัมพูชาเดิน ทางผ่านประเทศไทยไปยังประเทศที่สามที่เป็นประเทศมิสลิมมานานแล้ว และอย่างต่อเนื่อง ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศจะตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อแจ้งข้อมูลที่ถูกต้องแก่หน่วยราชการของไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันต่อไป
สำหรับสถานะล่าสุดของหญิงไทยจำนวน ๑๐ คนที่ถูกกักขังที่บาห์เรน นั้น รัฐมนตรีว่าการฯ กล่าวว่า ๒ ราย ได้เดินทางถึงประเทศไทยแล้วเมื่อเช้าของวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ อีก ๑ รายอยู่ในความดูแลของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมานามา ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดซื้อบัตรโดยสารเครื่องบินและออกเอกสารเดินทาง ให้ ที่เหลืออีก ๗ ราย นั้น ทางการบาห์เรนอยู่ระหว่างการตรวจสอบสถานะ เนื่องจากวีซ่าของบุคคลทั้ง ๗ ได้หมดอายุลงระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งอาจเข้าข่ายการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย
สำหรับลูกเรือชาวไทย ๑ คนที่ถูกโจรสลัดจับกุมเพื่อเรียกค่าไถ่ที่ไนจีเรีย นั้น เจ้าของเรือได้ดำเนิน การเจรจากับโจรสลัดและได้รับการปล่อยตัวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอาบูจา กำลังอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศไทย ซึ่งคาดว่าจะกลับมาได้ในอีก ๒ วันข้างหน้า
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--