เมื่อวันที่ ๒๘ — ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด (NAM Summit) ครั้งที่ ๑๖ ณ กรุงเตหะราน
ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวถ้อยแถลงแสดงวิสัยทัศน์ของไทยในหัวข้อ “Sustainable Peace through Shared Global Management” ต่อที่ประชุม โดยได้กล่าวถึงความท้าทายของโลกในยุคโลกาภิวัตน์ ศักยภาพของขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดในการรับมือกับสิ่งท้าทายดังกล่าวและในการสร้างสันติภาพ รวมทั้งแนวทางของประเทศไทยในการส่งเสริมสันติภาพ โดยเฉพาะการสร้างเงื่อนไขที่เกื้อกูลต่อสันติภาพ รัฐมนตรีว่าการฯ ย้ำว่า ประเทศไทยได้ยึดมั่นในหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งทำให้สามารถต้านทานและฟื้นตัวจากวิกฤติต่าง ๆ อาทิ ความถดถอยทางเศรษฐกิจและปัญหาอุทกภัยมาได้เป็นอย่างดี ประเทศไทยพร้อมที่จะแบ่งปันหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงให้กับประชาคมระหว่างประเทศ นอกจากนั้น ยังได้ระบุว่า ไทยติดตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเหตุการณ์ความไม่สงบในซีเรีย ซึ่งหวังว่าจะผ่านพ้นไปได้ด้วยการจัดการภายในซีเรีย นอกจากนี้ ไทยสนับสนุนการอยู่ร่วมกันของรัฐระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอลอย่างสันติ ซึ่งไทยได้สถาปนาทางการทูตกับปาเลสไตน์ในปีนี้
ระหว่างการประชุมฯ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้พบหารือทวิภาคีกับนาย Yerzhan Kazykhanov รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาซัคสถานในวันที่ ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๕ และนายฝ่าม บิ่งห์ มิงห์ (Pham Binh Minh) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ในวันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
๑. ในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคาซัคสถาน ฝ่ายคาซัคสถานแสดงความยินดีที่ไทยกำลังจะเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานาอย่างเป็นทางการ ซึ่งฝ่ายคาซัคสถานพร้อมที่จะอำนวยความสะดวกอย่างเต็มที่ และแสดงความปรารถนาที่จะเรียนรู้จากประสบการณ์ของไทยในฐานะศูนย์กลางของสหประชาชาติและองค์การระหว่างประเทศต่าง ๆ เนื่องจากคาซัคสถานมีความประสงค์จะพัฒนาเมือง Almaty ให้เป็นศูนย์กลางสหประชาชาติในภูมิภาคเอเชียกลาง พร้อมทั้งแสดงความหวังว่าฝ่ายไทยจะสามารถไปเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยการส่งเสริมปฏิสัมพันธ์และมาตรการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย (Conference on Interaction and Confidence Building Measures in Asia — CICA) ณ กรุงอัสตานา ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายน ๒๕๕๕ โดยฝ่ายไทยแจ้งว่าได้มอบหมายให้ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการฯ ไปเข้าร่วมประชุมแทนและในโอกาสเดียวกันจะเป็นประธานเปิดสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงอัสตานาอย่างเป็นทางการด้วย ในด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้นผ่านคณะกรรมการร่วม (Joint Commission) และสภาธุรกิจระหว่างกัน
๒. ในการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม ฝ่ายไทยแสดงความหวังว่าจะสามารถจัดการประชุมคณะรัฐมนตรีร่วมไทย — เวียดนามครั้งที่ ๒ ได้ก่อนสิ้นเดือนตุลาคมศกนี้ โดยเสนอว่าการประชุมดังกล่าวควรประกอบด้วยกระทรวงที่เกี่ยวข้องประมาณ ๙ — ๑๐ กระทรวงจากแต่ละฝ่ายตามที่ได้เห็นชอบร่วมกันระหว่างการเยือนเวียดนามของนายกรัฐมนตรีเมื่อปี ๒๕๕๔ ซึ่งฝ่ายเวียดนามขอรับไว้พิจารณาก่อนและจะแจ้งให่ฝ่ายไทยทราบต่อไป นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม International Conference on Sustainable Water Resource Management ระดับรัฐมนตรีในช่วงต้นปี ๒๕๕๖ ระหว่าง ๖ ประเทศ ได้แก่ จีน เมียนมาร์ ลาว ไทย กัมพูชา และเวียดนาม ซึ่งฝ่ายเวียดนามสนับสนุนการประชุมดังกล่าว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--