เมื่อวันที่ ๘ ตุลาคม ๒๕๕๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้เข้าเยี่ยมคารวะดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน ฮัจญี อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และเข้าพบหารือทวิภาคีกับดาโต๊ะ ซรี อะนิฟาห์ บิน ฮัจญี อามาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียในโอกาสเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการ
ในการหารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ได้มีการหยิบยกประเด็นต่าง ๆ ขึ้นหารือ ดังนี้
๑) การเร่งรัดการดำเนินการตามผลการเยือนมาเลเซียอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๕๕ และการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีทั้งสองฝ่ายในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐ ณ นครวลาดิวอสต๊อก สหพันธรัฐรัสเซีย ให้มีผลเป็นรูปธรรม
๒) การจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีไทย — มาเลเซีย (Joint Commission for Bilateral Cooperation — JC) ครั้งที่ ๑๒ และการประชุมคณะกรรมการร่วมว่าด้วยยุทธศาสตร์การพัฒนาร่วมสำหรับพื้นที่ชายแดนไทย — มาเลเซีย (Joint Development Strategy for border area — JDS) ครั้งที่ ๓ ซึ่งไทยจะเป็นเจ้าภาพที่จังหวัดภูเก็ตในช่วงปลายปี ๒๕๕๕ เพื่อเตรียมการสำหรับการประชุมหารือประจำปี ครั้งที่ ๕ ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียที่มาเลเซีย โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือเพื่อการแก้ไขปัญหาบุคคลสองสัญชาติ การแก้ไขปัญหาแรงงานผิดกฎหมายไทยในมาเลเซีย (ปัจจุบันมีแรงงานไทยประเภทถูกต้องตามกฎหมายและผิดกฎหมายในมาเลเซียประมาณ ๒ แสนคน) ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแรงงานผิดกฎหมายที่ทำงานในร้านต้มยำกุ้ง และความร่วมมือเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ชายแดน อาทิ การจัดตั้งเขตยางพาราในพื้นที่ชายแดน (rubber city)
๓) ไทยได้แจ้งความพร้อมจัดการประชุมสามฝ่ายระหว่างไทย — มาเลเซีย — อินโดนีเซียเพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพราคายางตามผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ครั้งที่ ๒๐ เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา
๔) รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เชิญรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียร่วมเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีกำหนดการร่วมสำรวจพื้นที่โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโกลกทั้งสองแห่งที่ตากใบ-เปิงกาลันกุโบร์ และสุไหงโกลก — รันเตาปันยัง นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องเร่งรัดการดำเนินการโครงการความร่วมมือในกรอบ JDS อาทิ การขยายด่านสะเดา-บูกิตกายูฮิตัม ซึ่งเป็นด่านใหญ่และแออัดที่สุดในจำนวน ๙ จุดผ่านแดนถาวรไทย-มาเลเซียเพื่อส่งเสริมการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยว รวมทั้ง เป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี ๒๕๕๘ ในโอกาสแรกที่ทั้งสองฝ่ายสะดวกอีกด้วย
ต่อมา รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะดาโต๊ะ ซรี มูห์ฮัมหมัด นาจิบ บิน ตุน ฮัจญี อับดุล ราซัค นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยนายกรัฐมนตรีมาเลเซียยืนยันการให้ความร่วมมือกับไทยในการแก้ไขสถานการณ์ จชต. และเห็นว่ารัฐบาลไทยควรอาศัยแนวทางทางการเมือง (political solution) และการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืนใน จชต. นอกจากนี้ ฝ่ายไทยได้ขอรับการสนับสนุนจากมาเลเซียในการประชุมระดับรัฐมนตรี OIC ครั้งที่ ๓๙ ที่จิบูติในเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๕ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับประเทศไทย โดยไทยหวังให้ร่างข้อมติเกี่ยวกับชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมในประเทศที่ไม่เป็นสมาชิก OIC มีความสมดุล และสอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลในการแก้ไขสถานการณ์ จชต.อย่างแท้จริง
นอกจากนั้น ทั้งสองฝ่ายยังมีความเห็นร่วมกันว่า ควรจะเร่งแก้ไขปัญหาคนสองสัญชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่คั่งค้างมาเป็นเวลานาน ทั้งนี้ จะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพบปะหารือกันในรายละเอียดในโอกาสแรก
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แสดงความยินดีที่ความสัมพันธ์ไทย — มาเลเซียดำเนินไปอย่างราบรื่น และมีความใกล้ชิดในทุกระดับ นอกจากนี้ ยังได้รายงานให้ทราบถึงการหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องกันในการติดตามและเร่งรัดหาข้อสรุปความตกลง/บันทึกความเข้าใจที่คั่งค้าง เพื่อจะได้มีการลงนามในระดับผู้นำระหว่างการประชุมหารือประจำปีระหว่างนายกรัฐมนตรี ครั้งที่ ๕
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--