เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕ ระหว่างการเยือนอียิปต์อย่างเป็นทางการ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน โดยมีประเด็นสำคัญ ดังนี้
๑. ในวันนี้ (๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๕) รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เข้าเยี่ยมคารวะ Prof. Dr. Ahmed Mohamed Ahmed Al-Tayeb ผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของอียิปต์ เพื่อแสดงความขอบคุณที่ให้การดูแลและสนับสนุนนักศึกษาไทยมุสลิมที่มาศึกษาในมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ณ กรุงไคโร ซึ่งฝ่ายอียิปต์ได้ให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษาไทยมุสลิมทุกปีๆ ละ ๘๐ คน ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ให้การดูแลนักศึกษาเป็นอย่างดีทั้งด้านหอพัก และอาหาร และได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการศึกษา เช่น การแลกเปลี่ยนอาจารย์ระหว่างกัน เป็นต้น
๒. ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แจ้งแก่ผู้นำสูงสุดฯ ว่า นายกรัฐมนตรีประสงค์ขอเชิญเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งผู้นำสูงสุดฯ ได้ตอบรับคำเชิญแล้ว ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายที่ดีเนื่องจากผู้นำสูงสุดฯ ได้กล่าวย้ำว่า ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาสายกลางไม่เห็นด้วยกับความรุนแรง ซึ่งการเยือนดังกล่าวจะเป็นประโยชน์แก่คนไทย โดยเฉพาะพี่น้องชาวไทยมุสลิม เกี่ยวกับเรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวเชิญผู้นำสูงสุดฯ เยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย หากมีโอกาส ในเรื่องนี้ ผู้นำสูงสุดฯ กล่าวว่า หากไม่สามารถเยือนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ รัฐบาลไทยสามารถเชิญผู้นำศาสนาในพื้นที่มาพบท่านได้เช่นกัน
๓. ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการฯ ได้แจ้งแก่ผู้นำสูงสุดฯ ว่า จากการที่มีจำนวนนักศึกษาไทยมุสลิมผู้หญิงจำนวนมากมาศึกษาที่มหาวิทยาลัยฯ นั้น กระทรวงการต่างประเทศได้ผลักดันให้มีการพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพื่อสร้างหอพักสำหรับนักศึกษาหญิงดังกล่าวด้วย หากได้รับการอนุมัติงบประมาณ ก็จะรีบแจ้งให้ผู้นำสูงสุดฯ ทราบด้วย
๔. นอกจากนี้ ในวันเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการฯ ได้เป็นประธานร่วมกับเชค เทาฟีค อับดุลอาซีด อับดุลซาลาม รองผู้นำสูงสุดทางศาสนาอิสลามของอียิปต์ ในพิธีมอบปริญญาบัตรแก่นักศึกษาไทยมุสลิมของมหาวิทยาลัยอัล อัซฮัร ประมาณ ๘๐ คน ซึ่งจบการศึกษาจากคณะต่าง ๆ เช่น อักษรศาสตร์ ศาสนศาสตร์ เป็นต้น ซึ่งในพิธีดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงไคโร ได้เชิญผู้ปกครองของนักศึกษาที่ได้รางวัลดีเด่น เดินทางจากประเทศไทยมาร่วมงานด้วย ในโอกาสดังกล่าว รัฐมนตรีว่าการฯ ได้กล่าวต่อนักศึกษาว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และได้สนับสนุนกิจกรรมของนักศึกษาไทยมุสลิม โดยมอบเงินสนับสนุนทุกปี ๆ ละ ๑ ล้านบาท จึงขอขอบคุณมหาวิทยาลัยฯ ที่ได้มีส่วนสำคัญในการสร้างและพัฒนานักศึกษา ซึ่งเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีประโยชน์ที่จะช่วยในการพัฒนาประเทศต่อไป
๕. ในโอกาสดังกล่าว รองผู้นำสูงสุดฯ ได้กล่าวว่า นักศึกษาที่จบการศึกษาไป มีหน้าที่เปรียบเสมือนทูต ในการสร้างความเข้าใจและเผยแพร่คำสอนของศาสนาอิสลามที่ถูกต้องว่า อิสลามเป็นศาสนาสายกลาง ไม่สนับสนุนความรุนแรงและการก่อการร้าย รวมถึงการบังคับขู่เข็ญใด ๆ ทั้งนี้ นักศึกษาต้องนำหลักที่ถูกต้องของศาสนาไปใช้ในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--