เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ ๔๖ ในวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕ ณ กรุงพนมเปญว่า ภาพรวมของการประชุมระดับรัฐมนตรีอาเซียนและการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนในครั้งนี้ ไทยให้ความสำคัญกับประเด็นที่กระทบต่อประชาชนในภูมิภาค และประเด็นที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจ และความมั่นคงในภูมิภาค อาทิ การเสริมสร้างความเป็นแกนกลางของอาเซียนในการเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อสันติภาพและเสถียรภาพ ตลอดจนการเร่งรัดการรวมตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคโดยปฏิสัมพันธ์และเสริมสร้างความร่วมมือกับประเทศมหาอำนาจและมิตรประเทศ การเสริมสร้างและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน การรวมตัวทางเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกในวงกว้างเพื่อขยายฐานการผลิต การต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะในเรื่องการค้ายาเสพติด และการค้ามนุษย์ในอาเซียน การผลักดันความร่วมมือในเรื่องการเชื่อมโยงระบบการคมนาคมขนส่งของภูมิภาค ตลอดจนเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน
ต่อข้อซักถามของสื่อมวลชนในประเด็นเรื่องสถานการณ์ในทะเลจีนใต้นั้น ไทยในฐานะประเทศผู้ประสานงานได้จัดการประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนจีนอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อวันที่ ๒๘ - ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ ที่พัทยา ซึ่งเป็นการหารือเพื่อสร้างบรรยากาศในการเจรจา ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยดี แต่ยังคงต้องมีการหารือในเรื่องนี้ต่อไป หลายประเทศเห็นพ้องในการปฏิบัติตามปฏิญญาว่าด้วยแนวปฏิบัติของภาคีในทะเลจีนใต้ (Declaration on the Conduct of Parties in the South China Sea — DOC) ทั้งนี้ ไทยหวังให้มีการเริ่มการเจรจาหารือถึงกระบวนการและขั้นตอนการหารือที่จะนำไปสู่การจัดทำแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (Code of Conduct in the South China Sea — COC) โดยเร็ว
เกี่ยวกับการหารือถึงสถานการณ์ในรัฐยะไข่ของเมียนมาร์นั้น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาภายในของเมียนมาร์ ซึ่งอาเซียนควรเปิดโอกาสให้เมียนมาร์แก้ปัญหาของตนเองเสียก่อน ซึ่งอาจต้องใช้เวลา อีกทั้ง ไทยสนับสนุนท่าทีของเมียนมาร์ที่ไม่ประสงค์ให้เรื่องนี้ถูกยกเป็นประเด็นในระดับนานาชาติ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--