นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มีกำหนดการเดินทางเยือนสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ ในวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ เพื่อพบหารือกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ และเยี่ยมชมพื้นที่โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยจะใช้โอกาสดังกล่าวหารือถึงแนวทางความร่วมมือเพื่อส่งเสริมการพัฒนาโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการของกลไกคณะกรรมการร่วมไทย — เมียนมาร์ เพื่อการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายและพื้นที่โครงการที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเมียนมาร์เป็นเจ้าภาพในการประชุมคณะกรรมการระดับประสานงานและคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้องทั้ง ๖ สาขา ได้แก่ ด้านโครงสร้างพื้นฐานและการก่อสร้าง ด้านอุตสาหกรรมเฉพาะด้านและการพัฒนาธุรกิจ ด้านพลังงาน ด้านการพัฒนาชุมชน ด้านกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง และ ด้านการเงิน เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ เนปิดอว์ โดยนายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายเอ มิ้นท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเมียนมาร์ เป็นประธานการประชุมร่วมกัน ซึ่งในการประชุมดังกล่าว นายจุลพงศ์ โนนศรีชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทำหน้าที่ประธานร่วมฝ่ายไทย ในการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมไทย-เมียนมาร์ฯ สาขาการพัฒนาชุมชน โดยฝ่ายไทยได้เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่รัฐบาลเมียนมาร์ ซึ่งแบ่งเป็นแผนงานระยะเร่งด่วนที่จะดำเนินการในพื้นที่ที่อยู่อาศัยใหม่ที่จัดสรรให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน ได้แก่ การจัดทำแปลงสาธิตเพื่อสอนให้ชาวเมียนมาร์รู้จักการทำการเกษตรแบบครบวงจรเพื่อการดำรงชีพ การสนับสนุนการเรียนรู้การจัดสวัสดิการชุมชนต่าง ๆ และการฝึกอบรมทักษะฝีมือแรงงานให้ประชาชน และแผนงานระยะกลาง ได้แก่ การส่งเสริมการพัฒนาการเรียนการสอนหลักสูตรอาชีวศึกษา (ปวช.) และการปรับปรุงโรงพยาบาลทวาย ซึ่งฝ่ายเมียนมาร์แสดงความยินดีรับความช่วยเหลือทางวิชาการดังกล่าว และเห็นพ้องดำเนินการภายหลังการโยกย้ายประชาชนเข้าพื้นที่ใหม่แล้ว
สำหรับภารกิจสำคัญของนายกรัฐมนตรีในการเยือนครั้งนี้ ประกอบไปด้วย (๑) การเข้าเยี่ยมคารวะและหารือข้อราชการกับนายเต็ง เส่ง ประธานาธิบดีเมียนมาร์ (๒) การเยี่ยมชมความคืบหน้าในพื้นที่โครงการ และ (๓) การเยี่ยมโรงเรียนและสถานีอนามัยในพื้นที่ทวาย เพื่อมอบอุปกรณ์การเรียนและการกีฬาให้แก่โรงเรียน และมอบอุปกรณ์การแพทย์ขั้นพื้นฐานแก่สถานีอนามัยด้วย
รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งเมียนมาร์ ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ และมีความคืบหน้าในการปฏิรูปทั้งด้านการเมืองและเศรษฐกิจ โครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศของเมียนมาร์ และส่งเสริมความเชื่อมโยงและพัฒนาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมโอกาสทางการค้าและการลงทุนสำหรับเมียนมาร์และไทย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ทั้งในและนอกภูมิภาค
การเยือนเมียนมาร์เพื่อเยี่ยมชมโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายในครั้งนี้ สะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมืออันใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ ที่จะร่วมกันสนับสนุนให้โครงการสำคัญนี้สำเร็จผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--