เมื่อวันที่ ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายฮอร์ นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชา ได้ร่วมกันแถลงข่าว ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชา (Joint Commission — JC) ครั้งที่ ๘ ซึ่งได้เป็นประธานร่วมกัน ในระหว่างวันที่ ๒๕-๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๕ ณ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพมหานคร
รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ถือเป็นกลไกหลักในการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ครอบคลุมรอบด้าน โดยมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนและผลักดันความร่วมมือในมิติต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ หลังจากที่กัมพูชาได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งที่ ๗ เมื่อต้นปี ๒๕๕๔ ซึ่งเป็นเวลาเกือบ ๒ ปีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศได้ชะลอไประยะหนึ่ง แต่ได้มีพัฒนาการที่ดีมากขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้วถึงปัจจุบัน และการที่ทั้งสองฝ่ายประชุมร่วมกันในครั้งนี้ได้สะท้อนให้เห็นถึงเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นร่วมกันของรัฐบาลทั้งสองในการเสริมสร้างและสานต่อความสัมพันธ์และความร่วมมือด้านต่าง ๆ ให้คืบหน้าและเจริญมั่งคั่งร่วมกันต่อไป
ในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมฯ ครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือกันอย่างกว้างขวางและได้ข้อสรุปร่วมกันในประเด็นสำคัญ ๓ ด้านหลัก ได้แก่
๑. ด้านการเมืองและความมั่นคง
๑.๑ ที่ประชุมเห็นชอบให้ทั้งสองฝ่ายเร่งรัดจัดทำแผนบริหารจัดการพื้นที่ สำหรับการเปิดจุดผ่านแดนถาวรบ้านหนองเอี่ยน จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้าม สตึงบท จังหวัดบันเตียเมียนเจย อาทิ การก่อสร้างอาคารที่ทำการด่าน เพื่อเปิดเป็นจุดผ่านแดนถาวรแห่งใหม่สำหรับการขนส่งสินค้า เพื่อรองรับการขยายตัวทางการค้าการลงทุน โดยเฉพาะการค้าชายแดนที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจุดผ่านแดนถาวร อรัญประเทศกับปอยเปต มีความแออัดคับคั่ง และจะใช้สำหรับการสัญจรข้ามแดนระหว่างประชาชน
๑.๒ ที่ประชุมเห็นชอบการเปิดจุดผ่อนปรนทางการค้าบ้านโนนหมากมุ่น จังหวัดสระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านไปรจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย ซึ่งจะเป็นอีก ๑ ช่องทางในการส่งเสริมการค้าและการติดต่อระหว่างประชาชน
๑.๓ ที่ประชุมได้หารือเกี่ยวกับแนวทางในการแก้ไขปัญหาการลักลอบตัดไม้พะยูง ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันให้จัดตั้งช่องทางสื่อสารระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
๒. ด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
๒.๑ ทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องให้ประกาศใช้ความตกลงตรวจลงตราเดียว ACMECS หรือ ACMECS Single Visa โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๕
๒.๒ ที่ประชุมได้หารือและผลักดันส่งเสริมโครงการพัฒนาเครือข่ายเส้นทางคมนาคมต่าง ๆระหว่างกัน เช่น
- ที่ประชุมยินดีที่สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (สพพ.) จะพิจารณาให้การสนับสนุนจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการออกแบบการปรับปรุงผิวถนนหมายเลข ๔๘ ให้ได้มาตรฐาน ASEAN Highway โดยถนนหมายเลข ๔๘ มีความสำคัญในการเชื่อมโยงเส้นทางคมนาคมในภูมิภาคตามแนวระเบียงเศรษฐกิจชายฝั่งด้านใต้ (หรือ Southern Coastal Corridor)
- ที่ประชุมรับทราบว่า สพพ. แสดงความพร้อมที่จะจัดทำการศึกษาความเป็นไปได้และการออกแบบในรายละเอียดการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกที่จุดผ่านแดนฯ และถนนเชื่อมระหว่างสตึงบทกับถนนหมายเลข ๕ ในกัมพูชา
- ที่ประชุมรับทราบว่า การรถไฟแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือก่อสร้างสะพานรถไฟ เส้นทางคลองลึก - ปอยเปต ซึ่งจะช่วยเชื่อมเส้นทางรถไฟระหว่างไทยกับกัมพูชาเข้าด้วยกัน และจะช่วยอำนวยความสะดวกในการขนส่งสินค้าและการสัญจรข้ามแดนระหว่างสองฝ่ายให้เพิ่มมากขึ้น
๓. ด้านสังคมและวัฒนธรรม
๓.๑ ที่ประชุมเห็นพ้องกันที่จะสานต่อโครงการความร่วมมือด้านการพัฒนาชุมชนบริเวณชายแดนของทั้งสองประเทศ
๓.๒ ที่ประชุมรับทราบว่า ฝ่ายไทยจะสานต่อโครงการปรับปรุงอาคารของสถานีอนามัยอันดองตึ๊ก จ.เกาะกง ตลอดจนจัดซื้อรถพยาบาลพร้อมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ ซึ่งเป็นการช่วยพัฒนาและยกระดับการให้บริการด้านสาธารณสุขของสถานีฯ แก่ประชาชนในพื้นที่
๓.๓ ที่ประชุมได้เห็นชอบร่วมกันที่จะเร่งรัดความร่วมมือด้านการจัดการแรงงาน การโอนตัวนักโทษระหว่างกัน และการจัดทำบันทึกความเข้าใจเพื่อจัดตั้งศูนย์แรกรับเหยื่อการค้ามนุษย์และกลุ่มเสี่ยงที่จังหวัดบันเตียเมียนเจย
รองนายกรัฐมนตรีฯ ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า การประชุมคณะกรรมาธิการฯ ครั้งนี้ ประสบผลสำเร็จอย่างดียิ่ง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองฝ่ายในการผลักดันความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ให้มีความคืบหน้าต่อไป ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำผลการประชุมครั้งนี้ไปเร่งรัดผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
นอกจากนี้ ในการหารือทวิภาคีกับรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศของกัมพูชา ได้มีการหารือในหลายประเด็นสำคัญ ๆ เช่น การลักลอบตัดไม้พะยูง การโอนตัวนักโทษระหว่างสองประเทศ และการเริ่มกระบวนการหารือเพื่อจัดทำความตกลงยกเว้นการเก็บภาษีซ้อน
อนึ่ง ภายหลังจากการแถลงข่าว รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศกัมพูชาได้เข้าเยี่ยมคารวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--