กระทรวงต่างประเทศ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ ม.จุฬาฯ และสมาคมไทย—พม่าเพื่อมิตรภาพ จัดสัมมนา "มองเมียนมาร์ในมุมใหม่"

ข่าวต่างประเทศ Monday April 1, 2013 10:27 —กระทรวงการต่างประเทศ

เมื่อวันที่ ๒๗ มีนาคม ๒๕๕๖ กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับสถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสมาคมไทย — พม่าเพื่อมิตรภาพ ได้จัดการสัมมนา “มองเมียนมาร์ในมุมใหม่: Shaping New Business Leaders for a New Myanmar” ณ โรงแรม Conrad กรุงเทพฯ โดยได้รับเกียรติจากนายเซ็ต อ่อง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนและพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาร์ เป็นผู้กล่าวปาฐกถาพิเศษ

การสัมมนามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลแก่ภาคเอกชนไทยเกี่ยวกับทิศทางพัฒนาประเทศของเมียนมาร์ ซึ่งมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว รวมทั้งกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องของเมียนมาร์เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการค้าการลงทุนสำหรับภาคเอกชนไทย โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ องค์การระหว่างประเทศ ภาคเอกชนไทยและเมียนมาร์ มาร่วมให้ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์แก่ผู้ร่วมการสัมมนา

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าวเปิดการสัมมนา โดยกล่าวถึงการปฏิรูปในเมียนมาร์ ที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว และได้รับความสนใจและการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นย้ำว่า ไทยในฐานะมิตรประเทศเพื่อนบ้านและสมาชิกอาเซียน ได้สนับสนุนการพัฒนาในเมียนมาร์อย่างเต็มที่มาโดยตลอดและได้ดำเนินบทบาทเชื่อมโยงเมียนมาร์กับประชาคมระหว่างประเทศ ตลอดจนเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศสนับสนุนเมียนมาร์อย่างเป็นรูปธรรม นายสีหศักดิ์ฯ ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือของไทยเพื่อสนับสนุนการปฏิรูปเศรษฐกิจในเมียนมาร์ การขยายความร่วมมือเพื่อการพัฒนาตามบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับเมียนมาร์ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการพัฒนาในเมียนมาร์ และความคืบหน้าของโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาของเมียนมาร์ ไทยและภูมิภาคนี้ในภาพรวม อีกทั้งได้ย้ำถึงบทบาทสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศต่อการปฏิรูปเศรษฐกิจในเมียนมาร์ ซึ่งภาคเอกชนไทยสามารถมีส่วนร่วมได้ โดยควรคำนึงถึงการลงทุนด้วยความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับกิจกรรม CSR ที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชน รวมทั้งเคารพในวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่นด้วย

ในช่วงการกล่าวปาฐกถาพิเศษ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนฯ เมียนมาร์ได้กล่าวย้ำถึงเจตนารมณ์ทางการเมืองและความพร้อมของเมียนมาร์ในการผลักดันการพัฒนาประเทศ ซึ่งเมียนมาร์ตระหนักถึงความสำคัญของการลงทุนจากต่างประเทศต่อการพัฒนาประเทศ และต้องการการลงทุนจากต่างประเทศในระยะยาวที่มีกิจกรรม CSR ที่เหมาะสมในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีความสมดุลระหว่างการลงทุนจากต่างประเทศและในประเทศ โดยรัฐบาลเมียนมาร์ได้พยายามเสริมสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการลงทุน และปรับปรุงกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง อาทิ กฎหมายการลงทุนจากต่างประเทศฉบับใหม่ กฎหมายเขตเศรษฐกิจพิเศษฉบับใหม่ที่อยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงการสร้างความโปร่งใสของกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องและการบังคับใช้กฎหมายด้านเศรษฐกิจอย่างมีประสิทธิภาพ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการวางแผนฯ เมียนมาร์ยังได้กล่าวถึงความสำคัญของโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายต่อการส่งเสริมการเชื่อมโยงภูมิภาคของแนวพื้นที่เศรฐกิจด้านใต้ของภูมิภาค (Southern Economic Corridor) ซึ่งเชื่อมโยงกับเมืองสำคัญในภูมิภาคฯ อาทิ กรุงเทพฯ เสียมราฐ กรุงพนมเปญ และนครโฮจิมินห์ ทั้งนี้ การปฏิรูปเศรษฐกิจในเมียนมาร์เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาแต่รัฐบาลเมียนมาร์มีความมุ่งมั่นในการผลักดันการปฏิรูปให้ก้าวหน้า ซึ่งมิตรอย่างประเทศไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง และขอเชิญชวนภาคเอกชนไทยไปร่วมลงทุนในเมียนมาร์

นอกจากนี้ ผู้ร่วมการสัมมนาได้รับฟังการเสวนาในหัวข้อ “มองเมียนมาร์ในมุมใหม่” โดยนายดำรง ใคร่ครวญ อธิบดีกรมเอเชียตะวันออก นาย Alfredo Perdiguero ผู้เชี่ยวชาญด้านเมียนมาร์จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย และนางสาว Khine Khine New เลขาธิการร่วมของสภาหอการค้าและอุตสาหกรรม เมียนมาร์ ซึ่งได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับการปฏิรูปและพัฒนาการและโอกาสทางเศรษฐกิจในเมียนมาร์ รวมทั้งการดำเนินการของไทยเพื่อสนับสนุนพัฒนาการในเมียนมาร์และกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกัน ตลอดจนการดำเนินการของภาครัฐเพื่อส่งเสริมโอกาสทางธุรกิจในเมียนมาร์สำหรับภาคเอกชนไทย

ในโอกาสนี้ ผู้เข้าร่วมยังได้รับฟังการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับสถานะล่าสุดของโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายโดยนายชาญวิทย์ อมตะมาทุชาติ รองเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และได้รับฟังการเสวนาในหัวข้อ “โอกาสทางธุรกิจไทยในเมียนมาร์ — เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ” ซึ่งภาคเอกชนไทยได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจจากการปฏิรูปในเมียนมาร์และเคล็ดลับสู่ความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจในเมียนมาร์ด้วยการสัมมนาครั้งนี้ได้รับความสนใจจากทั้งหน่วยงานภาครัฐ และภาคเอกชนเป็นอย่างมากโดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกว่า ๓๐๐ คน

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ