ไทยมั่นใจในคำให้การต่อศาลโลกคดีปราสาทพระวิหาร

ข่าวต่างประเทศ Monday April 22, 2013 13:21 —กระทรวงการต่างประเทศ

บ่ายวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๕๖ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพร้อมด้วยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมได้บรรยายสรุป แก่ผู้สื่อข่าวภายหลังเสร็จสิ้นการแถลงทางวาจารอบแรกของฝ่ายไทยต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ(ศาลโลก) ในคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี ๒๕๐๕ มีสาระสำคัญ ดังนี้

๑. ไทยมั่นใจต่อคำแถลงทางวาจาในวันนี้ ซึ่งสามารถโต้แย้งและหักล้างประเด็นที่กัมพูชาแถลงต่อศาลฯ ก่อนหน้านี้ได้อย่างครบถ้วนและหนักแน่น

๒. ที่ปรึกษากฎหมายชาวต่างชาติของไทยได้ย้ำจุดยืนและข้อต่อสู้ของฝ่ายไทย โดยได้ให้เหตุผลประกอบหลักฐานและเอกสารต่าง ๆ เพิ่มเติม เพื่อแสดงให้ศาลฯ เห็นว่าคำขอของกัมพูชาไม่ใช่การขอตีความคำพิพากษาฯ แต่เป็นการอุทธรณ์ให้ศาลฯ ตัดสินว่าเส้นเขตแดนต้องเป็นไปตาม “แผนที่ภาคผนวก ๑” ซึ่งศาลฯได้ปฏิเสธอย่างชัดแจ้งแล้วในคำพิพากษาฯ นอกจากนี้ ที่ปรึกษากฏหมายยังได้เน้นว่าไทยและกัมพูชาไม่ได้มีข้อพิพาทเกี่ยวกับความหมายและขอบเขตของคำพิพากษาฯ โดยไทยได้ปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน และกัมพูชาได้ยอมรับอย่างเป็นทางการแล้วในหลายโอกาส สำหรับความขัดแย้งที่เกิดขึ้นเป็นข้อพิพาทใหม่ที่เกี่ยวกับเขตแดน ซึ่งทั้งสองฝ่ายควรต้องเจรจากันในกรอบผ่านคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย — กัมพูชา (JBC)

๓. ผู้พิพากษาอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูซูฟ ได้ขอให้ไทยและกัมพูชาชี้แจงเพิ่มเติมว่า ทั้งสองฝ่ายมีความเข้าใจว่า “บริเวณใกล้เคียง” (vicinity) ของปราสาทอยู่ที่ใด โดยอ้างอิงจากแผนที่ที่เคยเสนอในคดีเดิม หรือแจ้งพิกัดของพื้นที่ดังกล่าว โดยให้ส่งเอกสารชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรให้ศาลฯ ภายในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๖เวลา ๑๗.๐๐ น. และส่งข้อสังเกตเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับคำตอบของอีกฝ่ายหนึ่งให้ศาลฯ ภายในวันที่๓ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เวลา ๑๗.๐๐ น.

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้ความเห็นว่า ฝ่ายไทยไม่มีความห่วงกังวลเกี่ยวกับความประสงค์ข้างต้นของผู้พิพากษาอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูซูฟ เพราะไทยมีจุดยืนที่ชัดเจนมาโดยตลอด ในขณะเดียวกัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มบุคคลบริเวณชายแดนไทย — กัมพูชา ว่าไม่ได้สร้างความห่วงกังวัลให้แก่ฝ่ายความมั่นคงแต่อย่างใด

นายวีรชัย พลาศรัย เอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮก และตัวแทนประเทศไทยในการต่อสู้คดีฯ ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการขอรับคำชี้แจงเพิ่มเติมของผู้พิพากษาอับดุลคาวิ อะห์เม็ด ยูซูฟ ว่าเป็นการร้องขอเฉพาะตน ไม่ใช่ในนามขององค์คณะผู้พิพากษาทั้งหมด และเป็นเรื่องปกติที่ผู้พิพากษาจะมีคำถามเพิ่มเติมต่อคู่กรณีได้ ซึ่งในชั้นนี้อยู่ระหว่างรอคำถามดังกล่าวเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายทะเบียนศาล ขณะเดียวกันก็จะได้หารือกับคณะที่ปรึกษาเพื่อเตรียมการในเรื่องดังกล่าวต่อไป

กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ