ปลัดกระทรวงฯ ได้ชี้แจงถึงการปฏิบัติตามข้อเสนอแนะเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชนในหลายด้าน เช่น การค้ามนุษย์ สิทธิเด็กและสตรี นอกจากนี้ ยังได้รายงานสถานการณ์การเมืองให้ที่ประชุมรับทราบถึงความจำเป็นของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ต้องเข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาความขัดแย้งแตกแยกทางการเมืองที่มีมายาวนาน จนนำไปสู่การใช้ความรุนแรงและความชะงักงันของระบบต่างๆ การดำเนินการของ คสช. จึงมีความจำเป็นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยและหยุดยั้งความรุนแรง และได้กล่าวถึงแผนการ ๓ ขั้นตอนของ คสช. ที่จะนำประเทศก้าวไปข้างหน้า สู่ความปรองดองและความเป็นประชาธิปไตยที่ยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ ต่อข้อซักถามของประเทศตะวันตกและองค์กรภาคประชาสังคมเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนภายหลัง คสช. เข้าควบคุมอำนาจการบริหารประเทศ โดยเฉพาะประเด็นกฎหมายว่าด้วยอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์และกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ปลัดกระทรวงฯ ได้ชี้แจงว่า การบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว จะต้องพิจารณาภายใต้บริบททางการเมืองของไทย ซึ่งไทยก็กำลังพิจารณาการปฏิรูปในหลายด้านรวมทั้งการปฏิรูปกฎหมายต่างๆ ด้วย
หลังจากการชี้แจง ผู้แทนจากประเทศต่างๆ อาทิ มาเลเซีย อินโดนีเซีย เมียนมาร์ ลาว สิงคโปร์ และบังกลาเทศ ต่างแสดงความเข้าใจสถานการณ์ในไทย และให้กำลังใจไทยโดยหวังว่าแผนการปฏิรูปทางการเมืองของไทยจะดำเนินไปตามกำหนด
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ ๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๗ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้เข้าพบหารือกับนางนาวาเนเธ็ม พิลเล ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ในประเทศไทย เหตุผลความจำเป็นที่ คสช. ต้องเข้ายึดอำนาจ รวมทั้งชี้แจงตอบข้อกังวลด้านสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยในขณะนี้ อาทิประเด็นเกี่ยวกับการเชิญตัวบุคคลต่างๆ มารายงานตัว โดยมิได้มีการทรมานหรือใช้กำลังต่อบุคคลเหล่านั้น รวมทั้งได้มีการปล่อยตัวเป็นส่วนใหญ่แล้ว และประเด็นเสรีภาพในการแสดงออกและเสรีภาพของสื่อมวลชน ซึ่งในหลักการประเทศไทยมิได้ปิดกั้นเสรีภาพดังกล่าว การดำเนินมาตรการบางประการที่จำกัดสิทธิดังกล่าวในขณะนี้เป็นมาตรการชั่วคราวตามความจำเป็น เพื่อสร้างบรรยากาศที่จะเอื้ออำนวยให้การปรองดองสามารถดำเนินไปได้ต่อไป ซึ่งข้าหลวงใหญ่ฯ ได้แสดงความเข้าใจสถานการณ์ในไทยมากขึ้น
อนึ่ง ต่อกรณีที่มีกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระภายใต้กลไกพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนฯ รวมทั้งผู้เสนอรายงานพิเศษเกี่ยวกับสิทธิเฉพาะด้านบางคน ได้มีคำแถลงร่วมกันเพื่อแสดงความกังวลเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยนั้น ปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้มีหนังสือไปยังหัวหน้าแผนกกลไกพิเศษของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ เพื่อชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทย แผนการดำเนินการในอนาคตของ คสช. แจ้งพัฒนาการที่ดีขึ้นในประเทศไทย และย้ำยืนยันพันธกรณีของไทยในการเคารพสิทธิมนุษยชนด้วยแล้ว ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศขอเรียนว่า คำแถลงร่วมดังกล่าว เป็นท่าทีของกลุ่มผู้เชี่ยวชาญอิสระด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาขาติบางส่วน มิได้เป็นท่าทีหรือมติของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนหรือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่ในสื่อไทยบางสื่อแต่ประการใด และปลัดกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตอบชี้แจงต่อข้อห่วงกังวลดังกล่าวไปแล้ว
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--