หัวข้อหลักของการประชุมครั้งนี้ คือ “เพื่อระเบียบโลกใหม่เพื่อความเป็นอยู่ที่ดี” (“For a New World Order for Living Well”) โดยเป็นเวทีให้ผู้นำและหัวหน้ารัฐบาลประเทศสมาชิกกลุ่ม ๗๗ และจีน ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน ๑๓๓ ประเทศ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและทัศนะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนท่ามกลางความท้าทายต่างๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนา และบทบาทกลุ่ม ๗๗ และจีน ในบริบทดังกล่าว ทั้งนี้ เอกสารผลลัพธ์ของการประชุมฯ จะจัดทำในรูปแบบของปฏิญญาดังกล่าวที่มีฉันทามติ
สาระสำคัญของร่างปฏิญญาผู้นำกลุ่ม ๗๗ และจีน เป็นการเน้นย้ำถึงบทบาทและความสำเร็จที่สำคัญของกลุ่มฯ ในการปกป้องและส่งเสริมผลประโยชน์ของประเทศกำลังพัฒนาในรอบ ๕๐ ปีที่ผ่านมา ตลอดจนยืนยันเจตนารมณ์และความมุ่งมั่นของประเทศสมาชิกในการเสริมสร้างความร่วมมือเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างประเทศสมาชิกในเวทีระหว่างประเทศ เพื่อส่งเสริมให้เกิดระเบียบระหว่างประเทศที่เท่าเทียมในเวทีเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถบรรลุเป้าหมายการเจริญเติบโตที่ยั่งยืน การจ้างงาน ความเท่าเทียมกันในสังคม การให้บริการขั้นพื้นฐานแก่ประชาชน และการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ในโอกาสดังกล่าว เอกอัครราชทูตฯ เน้นย้ำความสำคัญที่ไทยให้ กับการดำเนินงานของกลุ่ม ๗๗ และจีน ตลอดจนการสนับสนุนแนวทางการดำเนินการของกลุ่มฯ ที่มุ่งเน้นความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศสมาชิก และกล่าวถึงบทบาทที่สร้างสรรค์ของไทย ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ใน กลุ่มฯ ทั้งในปัจจุบันและที่ผ่านมาในฐานะประธานกลุ่มฯ ใน Chapter ต่างๆ การเข้าร่วมการประชุมของไทยในเวทีนี้ ยังเป็นโอกาสดีที่ไทยจะได้ชี้แจง และสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทย เพื่อช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นของประชาคมระหว่างประเทศต่อ เสถียรภาพทางการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทย
นอกจากนี้ เอกอัครราชทูตฯ ยังพบปะหารือทวิภาคีกับผู้แทนประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และขอเสียงสนับสนุนสำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งของไทยสำหรับสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชน (Human Rights Council: HRC) แห่งสหประชาชาติ วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๕ – ๒๐๑๗ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งขึ้นในอีก ๔ เดือนข้างหน้า รวมทั้งขอเสียงสนับสนุนสำหรับการสมัครเป็นสมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (United Nations Security Council: UNSC) วาระปี ค.ศ. ๒๐๑๗ – ๒๐๑๘ ซึ่งจะมีการเลือกตั้งในปี ๒๕๕๙ ด้วย
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--