การประชุมหารือระดับรัฐมนตรีครั้งนี้มุ่งให้รัฐมนตรีจากภูมิภาคหารือกันเกี่ยวกับการดำเนินการเพื่อส่งเสริมความต้านทานต่อภัยพิบัติของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก ซึ่งประสบกับภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา อีกทั้งเป็นภูมิภาคที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติมากที่สุด ดังจะเห็นจากความเสียหายที่เกิดจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทางภาคตะวันออกที่ญี่ปุ่น และมหาอุทกภัยของไทย เมื่อปี 2544 ที่สร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจมากถึงร้อยละ 80 ของความสูญเสียทางเศรษฐกิจของจากภัยพิบัติทั่วโลก นอกจากนี้ ยังจะเห็นได้ว่าไม่ว่าประเทศพัฒนาแล้วหรือประเทศกำลังพัฒนาล้วนถูกกระทบจากภัยพิบัติเช่นกัน
การหารือระหว่างรัฐมนตรีครั้งนี้จัดขึ้นในจังหวะที่ดี กล่าวคือนอกจากจะเป็นการให้ข้อคิดเห็นของภูมิภาคต่อการจัดทำกรอบการดำเนินงานเพื่อลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติฉบับต่อจากกรอบการดำเนินการเฮียวโกะที่จะสิ้นสุดลงในปี 2558 ยังเป็นข้อเสนอที่จะเชื่อมโยงไปสู่การหารือเพื่อจัดทำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และการหารือเพื่อจัดทำความตกลงฉบับใหม่ที่จะมีขึ้นต่อจากพิธีสารเกียวโตว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในปี 2558
ในถ้อยแถลงเปิดการประชุม ปลัดกระทรวงการต่างประเทศเน้นความสำคัญของการดำเนินงานด้านภัยพิบัติที่สอดประสานและสอดคล้องกันในการดำเนินงานในกรอบต่างๆ โดยย้ำว่า ในการเสริมสร้างความต้านทานต่อภัยพิบัติของภูมิภาคนั้น ประเทศต่างๆ ต้องจัดการกับประเด็นภัยพิบัติผ่านการดำเนินการด้านการพัฒนา และจำเป็นต้องนำการลดความเสี่ยงต่อภัยพิบัติมาเป็นส่วนหนึ่งของแผนพัฒนาแห่งชาติ นอกจากนั้น ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสำคัญกับการลงทุนในมาตรการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติ และการส่งเสริมความตื่นตัวและกระตุ้นให้ประชาชนในชุมชนเข้าร่วมในการดำเนินการและการวางแผนเพื่อความเสี่ยง ซึ่งในประเทศไทยได้มีการดำเนินการจัดการภัยพิบัติโดยอาศัยชุมชนเป็นพื้นฐาน (Community-Based Disaster Risk Management :CBDRM) สำหรับภาคเอกชน ควรได้รับการส่งเสริมและมีส่วนร่วมให้ความช่วยเหลือในความพยายามเสริมสร้างความต้านทานจากภัยพิบัติ ทั้งนี้ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศในด้านการลดความเสี่ยงจากภัยพิบัติมีความสำคัญมากและจำเป็นอย่างยิ่งด้วย เพื่อจะเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนาในการรับมือกับภัยพิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การประชุมหารือนี้มีรัฐมนตรีจาก 19 ประเทศ ได้แก่ รัฐมนตรีด้านภัยพิบัติหรือรัฐมนตรีมหาดไทยจากบังกลาเทศ จีน ฟิจิ อินเดีย มาเลเซีย มัลดีฟส์ หมู่เกาะมาร์แชล ศรีลังกา ตูวาลู อัฟกานิสถาน กาตาร์ ทาจิกิสถาน อินโดนีเซีย สปป.ลาว เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ ติมอร์-เลสเต เติร์กเมนิสถาน รวมทั้งเจ้าหน้าที่อาวุโสจากออสเตรเลีย ภูฏาน มองโกเลีย นิวซีแลนด์ เนปาล โอมาน และปากีสถาน
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--