การประชุมดังกล่าวเป็นการหารือประจำปีในระดับปลัดกระทรวงการต่างประเทศไทย - ศรีลังกาและถือเป็นกลไกสำคัญในการส่งเสริมและกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับศรีลังกาในทุกด้าน โดยประเด็นที่หารือส่วนหนึ่งเป็นการติดตามความคืบหน้าจากการประชุมหารือฯ ครั้งที่ ๒ เมื่อปี ๒๕๕๕ อีกส่วนเป็นการหาลู่ทางร่วมมือกัน
ในสาขาใหม่ ๆ โดยสรุปสาระสาคัญได้ ดังนี้
๑. ทั้งสองฝ่ายพอใจและเห็นพ้องว่า ความสัมพันธ์ไทย-ศรีลังกา ที่แน่นแฟ้นในช่วงที่ผ่านมา ๕๙ ปี นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันนั้น มีรากฐานจากความเชื่อมโยงด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรมโดยในปี ๒๕๕๘ จะครบรอบ ๖๐ ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-ศรีลังกา
๒. ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้ชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบัน หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) บริหารประเทศได้ครบ ๑ เดือน รวมทั้งแผนการปฏิรูปประเทศของ คสช. (Roadmap) เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ระบอบประชาธิปไตย เพื่อนาไปสู่การเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ กระบวนการสร้าง
ความปรองดองระหว่างกลุ่มต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ น่าจะใช้เวลาไม่เกิน 1 ปีครึ่ง และขอการสนับสนุนจากศรีลังกาต่อไป ทั้งสองฝ่ายยังเห็นพ้องที่จะเพิ่มความร่วมมือด้านความมั่นคง เช่น การปราบปรามโจรสลัด การลักลอบขนอาวุธและปัญหาผู้ลักลอบเข้าเมืองทางทะเล เป็นต้น
๓. ฝ่ายไทยย้ำถึงความพร้อมที่จะร่วมมือกับศรีลังกาต่อไปในด้านวิชาการและการพัฒนา โดยได้จัดสรรทุนฝึกอบรมและดูงานแก่ฝ่ายศรีลังกาจำนวน ๒๖๐ ทุน ในระยะ ๓ ปี (๒๕๕๗-๒๕๕๙) ในสาขาต่าง ๆ เช่น การพัฒนาชนบท การเกษตร ประมง และการจัดการด้านการท่องเที่ยว และขอให้ศรีลังกาใช้ประโยชน์จากทุนฝึกอบรมนี้
๔. ในด้านการค้าการลงทุน ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันสนับสนุนให้ภาคเอกชนทั้งสองฝ่ายมีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งมีศักยภาพที่จะขยายตัวได้อีกมาก ฝ่ายไทยสนับสนุนให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ของทั้งสองประเทศ นำนักธุรกิจไปทาความารู้จักคุ้นเคยกัน และแจ้งว่า BOI ของไทย และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยจะนาคณะนักธุรกิจไทยไปเยือนศรีลังกาในเดือนสิงหาคม ศกนี้ ซึ่งฝ่ายศรีลังกาแจ้งว่า ยินดีต้อนรับการลงทุนจากเอกชนไทย โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การประมง การแปรรูปอาหาร และโรงแรม
๕. ทั้งสองฝ่ายตกลงว่า การประชุมหารือฯ ครั้งที่ ๔ จะมีขึ้นที่ประเทศศรีลังกา โดยฝ่ายศรีลังกาจะแจ้งวันเวลาและสถานที่ให้ฝ่ายไทยทราบต่อไป
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--