ปลัดกระทรวงการต่างประเทศได้กล่าวถ้อยแถลงเปิดการประชุมมี สาระสำคัญว่า การประชุม ครั้งนี้จัดขึ้นในช่วงเวลาสำคัญสำหรับภูมิภาคเอเชียซึ่งเศรษฐกิจกำลังเติบโต และสำหรับอาเซียนซึ่งกำลัง ก้าวไปสู่การเป็นประชาคมที่เข้มแข็ง ซึ่งสิ่งที่ไทยเห็นว่ากลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขงและเกาหลีใต้ควรจะร่วมมือกัน เพื่อการพัฒนาร่วมกันนั้น ควรให้ความสำคัญใน ๓ ประการ คือ การพัฒนาความเชื่อมโยง ในภูมิภาค การใช้ประโยชน์จากความเชื่อมโยงนี้ในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษบริเวณชายแดน และการรับมือกับความท้าทายใหม่ในภูมิภาค เช่น ความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงาน โดยไทยได้เชิญชวนให้นักลงทุนจากเกาหลีใต้เข้ามาลงทุนในอนุภูมิภาคเพื่อผลัก ดันโครงการความร่วมมือต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานในแนวพื้นที่เศรษฐกิจตอนใต้
ที่ประชุม ได้รับรองเอกสารสำคัญคือแผนปฏิบัติการลุ่มน้ำโขงกับสาธารณรัฐเกาหลี พ.ศ. ๒๕๕๗-๒๕๖๐ ซึ่งระบุแนวทางการดำเนินความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกในสามปีข้างหน้าใน ๖ สาขา ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐาน เทคโนโลยีสารสนเทศ การเกษตรและพัฒนาชนบท การจัดการทรัพยากรน้ำ การพัฒนาที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้มีการหารือในเรื่องสถานการณ์ในภูมิภาค โดยทุกฝ่ายเห็นพ้องว่า แม้ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจของภูมิภาคนี้จะพัฒนาไปได้ด้วยดี แต่ในทางการเมืองยังมีประเด็น สถานการณ์การเมืองที่ยังเป็นชนวนวามขัดแย้งอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการเข้ามามีบทบาทของประเทศมหาอำนาจ หรือประเด็นปัญหาระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ทะเลจีนใต้และคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งในการประชุมครั้งนี้ ประเทศสมาชิกสนับสนุนนโยบายการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจในภูมิภาค (Trust-building Initiative) ของสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งจะเป็นบันไดสำคัญไปสู่การเจรจาเพื่อยุติและลดความขัดแย้งกรณีต่าง ๆ ในภูมิภาคอย่างยั่งยืนในอนาคต
ไทยยืนยันเจตนารมณ์ในการเป็นหุ้นส่วน ทางยุทธศาสตร์ของอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีเพื่อร่วมมือกัน ในการเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่กำลังก้าวเข้าสู่ ประชาคม อาเซียนในปีหน้า รวมทั้งการส่งเสริมความสัมพันธ์ทวิภาคีและลดช่องว่างทางการพัฒนาระหว่าง ประเทศในภูมิภาค นอกจากนี้ กรอบความร่วมมือนี้ยังเป็นเวทีสำคัญที่จะส่งเสริมบทบาทของไทยในฐานะ หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาผ่านความช่วยเหลือให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน เช่น การฝึกอบรมบุคลากร การพัฒนาพื้นที่ และการสร้างโครงสร้างพื้นฐานเพื่อความเชื่อมโยงระหว่างกันอีกด้วย
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--