เมื่อวันที่ ๑ สิงหาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๖.๓๐ น. นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนในประเด็นต่างๆ สาระสาคัญสรุปได้ ดังนี้
สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้แจ้งข้อมูลล่าสุดเรื่องการเคลื่อนย้ายแรงงานที่แจ้งความจำนงขอออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ โดยมีแรงงานแจ้ง ความประสงค์ในการเคลื่อนย้ายออกจากพื้นที่แล้วจำนวน ๑๒๑ คน ในจำนวนนี้ ย้ายออกจากพื้นที่แล้ว ๘๕ คน รอรับการเคลื่อนย้าย ๑๒ คน และเปลี่ยนใจขอทำงานที่เดิม ๒๔ คน ซึ่งหากมีคนไทยแจ้งขอย้ายเพิ่มเติม สถานเอกอัครราชทูตฯ และฝ่ายแรงงานจะเร่งรัดดำเนินการในโอกาสแรก ทั้งนี้ ทางการอิสราเอลได้สร้างที่หลบภัยเพิ่มเติมในนิคมเกษตรกรรมที่เสี่ยงต่อการถูกโจมตีตามที่สถานเอกอัครราชทูตฯ ร้องขอด้วย
ตามที่การประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่า ที่ใกล้สูญพันธุ์ (CITES) เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ มีมติให้ไทยต้องรายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการของประเทศในการป้องกันการค้างาช้าง (National Ivory Action Plan – NIAP) ต้องรายงานความคืบหน้าใน ๓ ระยะ นั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกระทรวงมหาดไทย ได้รวบรวมประเด็นการปรับกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ เสนอหัวหน้าฝ่ายสังคมของ คสช. พิจารณาแล้ว ซึ่งหากไทยสามารถดำเนินการปรับกฎระเบียบและบังคับใช้กฎหมายเหล่านี้อย่างจริงจังโดยเร็ว ก็จะสามารถช่วยลดปัญหาการค้างาช้างโดยผิดกฏหมายลง และสามารถดำเนินการได้ตามกำหนดของ CITES
ขณะนี้ไทยได้เร่งดำเนินการตามหลักการ 5P ได้แก่ การดำเนินคดีและบังคับใช้กฎหมาย (Prosecution) การคุ้มครองและเยียวยา (Protection and Recovery) การป้องกัน (Prevention) การกำหนดนโยบายและกลไกผลักดันนโยบาย (Policy and Mechanism) การสร้างหุ้นส่วนกับภาคประชาสังคมและระหว่างประเทศ (Partnership) นอกจากนี้ ภาครัฐและเอกชนของไทยได้ดำเนินการชี้แจงต่อต่างประเทศมาโดยตลอด โดยในช่วงที่ผ่านมามีกิจกรรมหลายประการ อาทิ การเยือนสหรัฐอเมริกาของคณะผู้แทนไทยนาโดยอธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้เพื่อเข้าพบและชี้แจงให้ข้อมูลกับหน่วยงานภาครัฐของสหรัฐฯ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งบริษัทผู้ซื้อสินค้าประมงรายสำคัญ ซึ่งได้รับผลตอบรับในเชิงบวกและภาคเอกชนสหรัฐฯ ได้แสดงความเข้าใจและเชื่อมั่นต่อไทยและยังยืนยันที่จะสั่งซื้อสินค้าไทยต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการเยือนไทยของคณะผู้ค้าปลีกต่างประเทศที่สั่งซื้อสินค้าประมงไทยเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ๒๕๕๗ ซึ่งบริษัทของสหรัฐฯ สหราชอาณาจักร (Tesco Lotus) และผู้ซื้อสินค้าของบริษัท CPF ทั่วยุโรป มาดูอุตสาหกรรมประมงไทยทำให้เกิดความเชื่อมั่นโดยบริษัทในสหรัฐฯ ยังคงสั่งซื้อสินค้าประมงไทยต่อไป ไม่มีการสั่งห้ามซื้อสินค้าเหล่านี้ ขณะที่ทางบริษัทฝ่ายอียูมีความหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่ไม่มีผลกระทบในวงกว้าง
ในส่วนของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ยังได้มีการจัดเวทีสื่อสารสาธารณะเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ที่โรงแรม Plaza Athenee ในวันนี้ (๑ สิงหาคม ๒๕๕๗) เพื่อสื่อสารความคืบหน้าในการดำเนินการของภาครัฐและกระทรวงแรงงานก็กำลังเสนอ คสช. ในการปรับกฏกระทรวงแรงงานให้คุ้มครองแรงงานประมงในทุกมิติและออกคาสั่งให้เจ้าของเรือประมงต้องส่งบัญชีเรือและรายชื่อแรงงานในเรือให้ทางราชการเพื่อจัดทาฐานข้อมูลเรือและแรงงานโดยละเอียดด้วย สาหรับมาตรการเกี่ยวกับแรงงานต่างด้าวนั้น ปัจจุบันไทยได้จัดตั้งศูนย์ One-Stop Service (OSS) แล้ว ๓๓ แห่งทั่วประเทศ และเมื่อวันที่ ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๕๗ กระทรวงการต่างประเทศก็ได้นาคณะสื่อมวลชนกัมพูชามาเยี่ยมชมศูนย์ดังกล่าวที่ศูนย์เยาวชนไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง เพื่อสร้างความมั่นใจในนโยบายของรัฐบาลไทยในการคุ้มครองสิทธิของแรงงานต่างชาติด้วย
กระทรวงการต่างประเทศได้ดาเนินการสร้างความเข้าใจให้ต่อองค์การด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ยังคงมีข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ในประเทศไทย ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้ให้ความสาคัญต่อประเด็นสิทธิมนุษยชน โดยมาตรา ๔ ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ระบุชัดเจนกว่าที่ผ่านมา ว่า ประเทศไทยเคารพสิทธิมนุษยชนและจะปฏิบัติตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่มีอยู่ทุกประการ
เมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๗ เวลา ๒๓.๕๕ น. ได้เกิดเหตุท่อส่งสารปิโตรเคมีระเบิด ที่เมืองเกาสง ทางตอนใต้ของไต้หวัน โดยส่งผลมีผู้เสียชีวิต ๒๔ ราย และผู้บาดเจ็บ ๒๗๑ ราย ซึ่ง สานักงานการค้าและเศรษฐกิจไทยในไทเป ได้ตรวจสอบแล้ว พบว่า ไม่มีคนไทยเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว และไม่พบความเสียหายหรือผลกระทบใดๆ ต่อคนไทยในไต้หวัน ทั้งนี้ เมืองเกาสงมีคนไทยอาศัยอยู่ประมาณ ๓,๕๐๐ คน โดยเป็นแรงงานกว่า ๒,๗๐๐ คน ส่วนใหญ่ทางานในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ประเภทกิจการโลหะภัณฑ์ พลาสติก สิ่งทอ เครื่องกล
กระทรวงการต่างประเทศ ได้ออกคาแนะนาในการเดินทางไปภูมิภาคแอฟริกาตะวันตกเนื่องจากการระบาดของเชื้อไวรัสอีโบลา โดยขอให้คนไทยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปประเทศที่มีการระบาดจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย อาทิ กินี เซียร์ราลีโอน และไลบีเรีย และติดตามสถานะการระบาดของโรคจากเว็บไซต์ขององค์การอนามัยโลกอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ หากมีความจาเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาด ขอให้ลงทะเบียนการเดินทางรวมถึงเที่ยวบินขาเข้า – ออก รายละเอียดที่พัก และหมายเลขโทรศัพท์ที่ติดต่อได้ ให้กับสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงดาการ์ ประเทศเซเนกัล
สำหรับมาตรการในการป้องกันการระบาดในประเทศไทย สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและด่านควบคุมโรคท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินมาตรการคัดกรองผู้ถือหนังสือเดินทางที่มาจากประเทศที่มีการระบาดของเชื้อไวรัส
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--