รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบ แห่งชาติได้กล่าวต้อนรับผู้เข้าร่วมการประชุมทุกท่าน และกล่าวว่า ประเทศไทยมีความพร้อมที่จะกระชับความสัมพันธ์ที่ดีกับภูมิภาคแปซิฟิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการค้า และการลงทุนระหว่างกัน แม้ว่าประเทศไทยและหมู่เกาะแปซิฟิกจะอยู่ห่างไกล แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีผลประโยชน์ และความท้าทายในอนาคตร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศ การพัฒนา ความมั่นคงทางอาหาร น้ำ และพลังงาน รวมถึงการจัดการและรับมือภัยพิบัติ และความเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาค
ดร. สุรินทร์ พิศสุวรรณ ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษเปิดการประชุมในหัวข้อ “บทบาทของประเทศไทยใน เวทีอาเซียนและเอเชียแปซิฟิก” โดยมีใจความสำคัญกล่าวถึงบทบาทในอดีตที่ประเทศไทยมีส่วนผลักดันให้ อาเซียนรวมตัวกันเป็นประชาคมท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของบริบทโลก และประเทศไทยก็ได้ดำเนิน นโยบายที่ให้ความสำคัญกับความร่วมมือในระดับภูมิภาคมาโดยตลอด นอกจากนี้ ไทยยังเห็นถึงศักยภาพ และทรัพยากรที่หมู่เกาะแปซิฟิกสามารถจะนำมาสู่นานาประเทศได้ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ และความร่วมมือเพื่อนการพัฒนาทั้งสองภูมิภาคไปสู่เวทีระหว่างประเทศร่วมกัน ต่อไป
ภายหลังการประชุม นายณรงค์ ศศิธร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกกว่า ๑๑ ประเทศ โดยมีประธานาธิบดีนาอูรู และนายกรัฐมนตรีตองกาเข้าร่วมการประชุมด้วย และได้มีการแลกเปลี่ยน ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เศรษฐกิจ และความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อนำไปสู่การจัดทำแผนเพื่อการพัฒนาร่วมกัน (Development Partnership Programme) อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--