ตามที่ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศเนปาลเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน ๒๕๕๘ และไทยได้ให้ความช่วยเหลือแก่เนปาลในรูปแบบต่าง ๆ ได้แก่ เงินบริจาค สิ่งของบรรเทาทุกข์ เจ้าหน้าที่กู้ภัย/บรรเทาทุกข์ ตลอดจนความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างต่อเนื่องนั้น ขณะนี้ สถานการณ์ในเนปาลได้ผ่านพ้นช่วงวิกฤติฉุกเฉิน และเข้าสู่ระยะการบูรณะและฟื้นฟูประเทศแล้ว
๑. คณะรัฐมนตรีได้มีมติ เมื่อวันที่ ๒๖ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ดังนี้
- อนุมัติให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการรับบริจาคเงินจนถึงวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๘ และรับบริจาคสิ่งของจนถึงวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๕๕๘
- อนุมัติให้กระทรวงมหาดไทยดำเนินการให้จังหวัดและกรมป้องกันบรรเทาสาธารณภัย พิจารณาตามความเหมาะสมในการดำเนินการจัดจำหน่ายสิ่งของบริจาคในรายการที่เห็นสมควร เพื่อจัดส่งรายได้ไปช่วยเหลือแทน สำหรับสิ่งของบริจาครายการที่ไม่สามารถจัดจำหน่ายได้ หรือมีข้อจำกัดในการจำหน่ายให้จัดเก็บไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติในประเทศต่อไป
๒. รัฐบาลเนปาลจัดเก็บภาษีอากรสิ่งของบริจาค
- ตั้งแต่วันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป รัฐบาลเนปาลจะเริ่มจัดเก็บภาษีศุลกากรสำหรับความช่วยเหลือจากต่างชาติทุกประเภทที่เข้าไปยังเนปาล ไม่เว้นแม้แต่สิ่งของบรรเทาทุกข์ที่เนปาลต้องการในลำดับต้น อาทิ เต็นท์ และผ้าห่ม
- ในชั้นนี้ รัฐบาลเนปาลจะจัดเก็บภาษีนำเข้าและภาษีมูลค่าเพิ่ม (vat) สำหรับสิ่งของบรรเทาทุกข์ประเภทหลัก ๆ ดังนี้
ข้าวสาร เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๑๐ และ vat อีกร้อยละ ๑๓
บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๓๐ และ vat อีกร้อยละ ๑๓
ผ้าห่ม เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๑๕ และ vat อีกร้อยละ ๑๓
วัสดุก่อสร้าง เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๓๐ และ vat อีกร้อยละ ๑๓
เต็นท์ เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๓๐ และ vat อีกร้อยละ ๑
เวชภัณฑ์ เสียภาษีนำเข้าอัตราร้อยละ ๕ และไม่เสีย vat
ทั้งนี้ หากมีข้อมูลสำคัญเพิ่มเติม กระทรวงการต่างประเทศจะแจ้งให้ทราบต่อไป
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--