การประชุมดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ช่วงเช้า เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์การหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมด้านเครื่องมือแพทย์และสมุนไพรของสหรัฐฯ โดยผู้แทนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย อาทิ ศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ (องค์การมหาชน) สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข คณะกรรมการอาหารและยา โรงพยาบาลรามาธิบดี กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร หารือเกี่ยวกับกฎระเบียบและข้อกำหนดด้านมาตรฐานการนำเข้าผลิตภัณฑ์เครื่องมือแพทย์และสมุนไพรไทยในตลาดสหรัฐฯ รวมทั้ง การเสริมสร้างความร่วมมือ แลกเปลี่ยนองค์ความรู้และเทคโนโลยีด้านเครื่องมือแพทย์และสมุนไพรระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ส่วนช่วงบ่าย เป็นการประชุมระดมสมองเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชนและการศึกษาเกี่ยวกับทิศทางการพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และสมุนไพรของไทย
ในการนี้ กรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้ ในฐานะหน่วยงานประสานงานเกี่ยวกับการดำเนินโครงการหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐฯ (Thai – U.S. Creative Partnership) เห็นว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีอุตสาหกรรมด้านการผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในตลาดอาเซียนและตลาดโลก และที่ผ่านมาการนำเข้าเครื่องมือวิทยาศาสตร์การแพทย์จากต่างประเทศในไทยค่อนข้างสูง จึงมีความจำเป็นที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องส่งเสริมให้มีการนำเข้าวัสดุและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าประเภทดังกล่าว รวมทั้งตอบสนองนโยบายภาครัฐที่มุ่งหวังให้ไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมการแพทย์และสุขภาพในอาเซียนในอนาคต ขณะเดียวกัน อุตสาหกรรมสมุนไพรก็มีความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยหลายประเทศได้พัฒนาเอาพืชสมุนไพรในท้องถิ่นมาผลิตยารักษาโรคหรือเป็นวัตถุดิบในการทำธุรกิจสปาซึ่งกำลังเป็นที่นิยมมากขึ้นตามลำดับ และที่ผ่านมาไทยก็มีการพัฒนาการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรและพืชเขตร้อนของไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และสมุนไพรไทย ซึ่งอยู่ในสาขาความร่วมมือด้านสุขภาพและการวิจัยทางการแพทย์ (Health and Medical Research) ภายใต้โครงการหุ้นส่วนเชิงสร้างสรรค์ไทย-สหรัฐฯ ทั้งนี้ ไทยจะได้ประโยชน์จากการแสวงหาความร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีเทคโนโลยี วิทยาการและความเชี่ยวชาญ ขณะที่ไทยมีศักยภาพทั้งในด้านบุคลากรและวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
--กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ--